คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยต่างเป็นผู้รับพินัยกรรมแต่โจทก์เป็นผู้ครอบครองมรดกแต่ผู้เดียวเมื่อจำเลยมิได้ฟ้องร้องคดีเพื่อเรียกร้องเอามรดกตามพินัยกรรมจนพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยรู้ถึงสิทธิซึ่งจำเลยมีอยู่ตามพินัยกรรมแล้ว โจทก์ย่อมกล่าวอ้างอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสอง ขึ้นใช้ยันจำเลย และฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้คัดค้านการที่โจทก์ขอรับมรดกได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 เป็นบทบัญญัติถึงเรื่องการใช้อายุความหนึ่งปีขึ้นต่อสู้ว่าต้องเป็นทายาทหรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทหรือผู้จัดการมรดก โจทก์เป็นผู้รับพินัยกรรม จึงมีสิทธิกล่าวอ้างอายุความหนึ่งปีขึ้นใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมด้วยกันได้
ที่ดินมรดกมีหลายแปลง มีข้อกำหนดตามพินัยกรรมในเรื่องผู้จัดการมรดกเฉพาะที่ดินที่พิพาทกับผู้มีชื่อโดยไม่ได้ระบุว่าที่ดินแปลงใดอันจะเป็นมรดกที่มีผู้จัดการซึ่งมีสิทธิฟ้องเรียกเอาได้เกินหนึ่งปีเมื่อจำเลยจะอ้างประโยชน์จากอายุความเพราะเหตุนี้ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่จำเลย
ที่ดินมรดกหลายแปลง แปลงใดที่พินัยกรรมมิได้กำหนดให้มีผู้จัดการมรดก ผู้รับพินัยกรรมจะฟ้องเรียกเอาเกินกว่าหนึ่งปีไม่ได้
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมครอบครองที่ดินมรดกมาแต่ผู้เดียวเกินกว่าหนึ่งปีฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับมรดกจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่ามรดกรายนี้มีผู้จัดการอันจะทำให้มีสิทธิฟ้องร้องเกินหนึ่งปีได้ประเด็นนี้จึงไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเพราะเป็นเรื่องนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า พระภิกษุนิด ใจใหญ่ ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 4 แปลงเฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่ง หลังพระภิกษุนิดมรณะโจทก์ได้ครอบครองที่ดินทั้งหมดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาแต่ผู้เดียวเป็นเวลา 2 ปีเศษ จำเลยขาดสิทธิรับมรดกแล้ว กลับคัดค้านการที่โจทก์ขอรับมรดก ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องคัดค้าน และสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินโอนโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงใส่ชื่อโจทก์รับมรดกแต่ผู้เดียว

จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้พยายามเรียกร้องเพื่อจะได้กรรมสิทธิ์จากโจทก์เคยฟ้องเรียกโฉนดจากโจทก์ และคัดค้านการยื่นคำขอของโจทก์อายุความเรียกร้องของจำเลยไม่ขาด

ศาลชั้นต้นเห็นว่า สิทธิของจำเลยขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 วรรคสอง พิพากษาห้ามจำเลยคัดค้านการรับมรดกของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เจ้ามรดกกำลังมีคดีพิพาทกับนางยุพินเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน 4 แปลงนี้ ถ้าได้ที่ดินคืนมาก็ต้องตั้งให้จำเลย นายเจริญ และโจทก์กับนายพงษ์ เป็นผู้จัดการมรดก แต่ผลแห่งคดีจะเป็นอย่างไร คดีถึงที่สุดหรือยัง ได้ที่ดินคืนมาตามฟ้องหรือไม่ไม่ปรากฏ หากได้คืนมาก็เป็นมรดกที่มีผู้จัดการ ทายาทหรือผู้รับพินัยกรรมไม่ต้องฟ้องภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1754, 1755 เพราะอายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 173 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองมรดกแต่ผู้เดียว และจำเลยได้รับทราบพินัยกรรมหลังวันเปิดพินัยกรรม 1 เดือน พินัยกรรมเปิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2506 จำเลยจึงรู้ถึงสิทธิซึ่งจำเลยมีอยู่ตามพินัยกรรมเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2506 โจทก์ยื่นคำร้องขอรับมรดกตามพินัยกรรมต่อสำนักงานที่ดินวันที่ 4 พฤศจิกายน 2507 จำเลยยื่นคำคัดค้านวันที่ 9 พฤศจิกายน 2507 พ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่จำเลยรู้ถึงสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามพินัยกรรม และจำเลยมิได้ครอบครองมรดก ดังนี้ โจทก์ย่อมกล่าวอ้างอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสอง ขึ้นใช้ยันจำเลย และฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้คัดค้านการที่โจทก์ขอรับมรดกได้

ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นบุคคลภายนอก จะใช้มาตรา 1754 บังคับไม่ได้ เพราะเป็นบทบัญญัติเฉพาะทายาทเท่านั้น ควรใช้มาตรา 1755 ซึ่งบัญญัติยกเว้นผู้มิใช่ทายาท สิทธิเรียกร้องของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 เป็นบทบัญญัติถึงเรื่องการใช้อายุความหนึ่งปีขึ้นต่อสู้ว่าต้องเป็นทายาท หรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทหรือผู้จัดการมรดกและคดีนี้ โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้รับพินัยกรรมโจทก์จึงมีสิทธิกล่าวอ้างอายุความ 1 ปี ขึ้นใช้ยันจำเลยได้ว่าจำเลยหมดสิทธิเรียกร้องเอามรดกตามพินัยกรรมแล้ว เพราะจำเลยมิได้ฟ้องร้องคดีเพื่อเรียกร้องเอาภายในกำหนดอายุความ ฎีกาของจำเลยข้อนี้เป็นอันตกไป

ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เจ้ามรดกกำลังมีคดีพิพาทเรื่องที่ดินมรดกอยู่กับนางยุพิน และถ้าได้มาก็ต้องตั้งให้จำเลยกับพวกเป็นผู้จัดการมรดก แต่ผลแห่งคดีจะเป็นอย่างไร คดีถึงที่สุดหรือยังได้ที่ดินคืนมาตามฟ้องหรือไม่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ หากได้คืนมาก็เป็นมรดกที่มีผู้จัดการ ทายาทหรือผู้รับพินัยกรรมไม่จำต้องฟ้องร้องภายใน 1 ปี เพราะอายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 173 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะตามคำให้การจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าคดีนี้เป็นมรดกที่มีผู้จัดการ อันจะทำให้มีสิทธิฟ้องร้องเกิน 1 ปี ประเด็นนี้จึงไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยกเอาเหตุนี้ขึ้นวินิจฉัยเอง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นอีกประการหนึ่ง 3ข้อกำหนดตามพินัยกรรมในเรื่องผู้จัดการมรดก ก็มีแต่เฉพาะที่ดินที่เป็นคดีพิพาทกับนางยุพิน ไม่ได้รวมถึงที่ดินมรดกแปลงอื่น ฉะนั้นที่ดินมรดกแปลงอื่นจึงไม่เป็นมรดกที่มีผู้จัดการตามพินัยกรรม ผู้รับพินัยกรรมจะฟ้องเรียกร้องเอาเกิน 1 ปีไม่ได้ในพินัยกรรมไม่ได้ระบุว่า ที่ดินแปลงใดที่พิพาทกับนางยุพินอันจะเป็นมรดกที่มีผู้จัดการตามพินัยกรรม ซึ่งมีสิทธิฟ้องเรียกเอาเกิน 1 ปีได้ เมื่อจำเลยจะอ้างประโยชน์จากอายุความเพราะเหตุนี้ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่จำเลย แต่จำเลยไม่สืบพยาน จึงต้องแพ้คดีอยู่นั่นเอง

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share