แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเดิมของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกราคากล่องกระดาษที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ 3 ครั้ง และคำร้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องนั้น โจทก์ได้ขอเพิ่มเติมโดยเรียกราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้สั่งซื้อจากโจทก์หลังจากครั้งที่ 3 คือครั้งที่ 4 เข้ามาด้วย จึงเป็นเรื่องการเรียกราคาสิ่งของประเภทเดียวกัน อันเกิดจากนิติกรรมประเภทเดียวกันระหว่างโจทก์กับจำเลย คำฟ้องที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมกับคำฟ้องเดิมจึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ การที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องให้แก่จำเลยก่อนสั่งอนุญาตนั้น เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยจำเลยได้กล่าวแก้ข้อหาข้อหาของโจทก์ที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่โดยบริบูรณ์แล้วจำเลยไม่เสียเปรียบอย่างไร ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรให้มีการแก้ไขคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว โจทก์ได้บรรยายในคำฟ้องแล้วว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทกล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับบรรจุน้ำส้มสายชูกลั่นชนิดขวดจากโจทก์รวม 4 ครั้ง รายละเอียดการสั่งซื้อ ชนิด ขนาด และจำนวนสินค้าปรากฎตามภาพถ่ายใบสั่งซื้อเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึงหมายเลข5 ตามลำดับ โจทก์ได้จัดส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อดังกล่าวให้จำเลยหลายคราว จำเลยได้รับสินค้าครบถ้วนแล้ว ปรากฎรายละเอียดวันส่งสินค้าและจำนวนเงินค่าสินค้าที่จัดส่งให้แต่ละคราวตามภาพถ่ายรายการใบแจ้งหนี้เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6 รวม 10 ฉบับ ยังคงค้างชำระอยู่คำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้กล่าวโดยชัดแจ้งชอบด้วยกฎหมายแล้ว สัญญาข้อ 2 มีว่า “ถ้าผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสิ่งของที่ถูกต้องตามใบสั่งนี้ให้แก่ผู้ซื้อได้เลยหรือส่งมอบได้แต่เพียงบางส่วนภายในกำหนดที่กล่าวไว้ในสัญญาข้อ 1 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างหรือทุกอย่างดังต่อไปนี้ได้ตามแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรคือ 2.1 ปรับผู้ขายเป็นเงินร้อยละ 5 ของราคาที่ยังมิได้ส่งมอบให้ถูกต้อง” ตามสัญญาข้อนี้จึงมีการกำหนดเบี้ยปรับไว้ 2 ชนิด คือเบี้ยปรับเพื่อการไม่ชำระหนี้ และเบี้ยปรับเพื่อการชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามสมควร พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลย เป็นเรื่องที่จำเลยรับเอากล่องกระดาษที่ส่งเกินกำหนดหลายต่อหลายครั้งตลอดมา โดยมิได้ทักท้วงอย่างใดเป็นการที่คู่กรณีไม่ถือเอากำหนดเวลาในการส่งมอบกล่องกระดาษเป็นสำคัญ ฉะนั้นแม้โจทก์มิได้ส่งมอบกล่องกระดาษแก่จำเลยภายในกำหนดตามสัญญา โจทก์ก็หาตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าขณะรับมอบกล่องกระดาษจำเลยได้สงวนสิทธิไว้ว่าจะเรียกเบี้ยปรับแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 2 สำหรับกล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไว้ภายหลังจากครบกำหนดเวลาส่งมอบ จำเลยได้ค้างชำระค่ากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับมอบไปจากโจทก์สำหรับการสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 3 และค้างชำระค่ากล่องกระดาษที่สั่งซื้อในครั้งที่ 4 บางส่วนด้วย โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระแล้ว จำเลยก็ไม่ชำระ จำเลยจึงได้ชื่อว่าผิดนัดและผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคแรกและโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้ว สัญญาจึงเลิกกัน โจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องขายหรือส่งมอบกล่องกระดาษส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยอีกต่อไป จำเลยจึงไม่มีสิทธิ์เรียกเบี้ยปรับจากโจทก์สำหรับการที่โจทก์ไม่ส่งมอบกล่องกระดาษส่วนที่เหลือ ที่จำเลยเรียกค่าเสียหายจากโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษเกินกำหนด จึงทำให้จำเลยต้องจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาแก่พนักงานของจำเลยเป็นเงินจำนวนหนึ่งนั้น เมื่อการที่โจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษแก่จำเลยเกินกำหนด มิได้เป็นการผิดนัดผิดสัญญาจำเลยจึงไม่อาจที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์ได้ ที่จำเลยเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุที่โจทก์ส่งไส้ในกล่องไม่ครบตามสัญญา 4,800 ชุด อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องจัดหาที่อื่นมาแทนข้อนี้โจทก์มิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยอย่างไร จึงถือว่าโจทก์รับแล้ว โจทก์จึงต้องรับผิดใช้เงิน ราคากล่องกระดาษที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องนั้นเป็นราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไว้แล้ว แม้โจทก์จะได้ส่งมอบกล่องกระดาษบางส่วนเกินกำหนดในสัญญา จำเลยก็ไม่มีเหตุใด ๆ ตามกฎหมายที่จะไม่ต้องชำระราคากล่องกระดาษเหล่านั้น สัญญาข้อ 3 ก็ระบุว่า “ผู้ซื้อจะชำระเงินค่าสิ่งของตามใบสั่งนี้ให้แก่ผู้ขายโดยเร็วอย่างช้าไม่เกิน…วันนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ของฝ่ายผู้ซื้อได้ตรวจรับของไว้ถูกต้องแล้วเป็นต้นไป” มิได้มีความหมายว่าจำเลยจะต้องชำระเงินค่ากล่องกระดาษต่อเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบครบถ้วนตามสัญญาดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างไร จำเลยจึงต้องชำระราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไปแล้วแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทกล่องกระดาษจากโจทก์รวม 4 ครั้ง เป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้น 1,233,132 บาท จำเลยชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์บางส่วนเป็นเงิน 88,000 บาท ยังคงค้างชำระอยู่เป็นเงิน 1,145,132 บาท ซึ่งจำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ขอให้จำเลยชำระเงิน 1,198,957.20 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,145,132 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ส่งมอบของให้จำเลยไม่ครบถ้วนตามข้อตกลง โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาตามข้อตกลงข้อ 1 โจทก์จะต้องส่งมอบของให้ถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดแต่ปรากฎว่าโจทก์ส่งมอบของไม่ครบถ้วนและล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ โจทก์จึงต้องเสียค่าปรับให้จำเลยในอัตราร้อยละ 5 ของราคาของทั้งหมดซึ่งจำเลยได้บอกสงวนสิทธิเรียกค่าปรับจากโจทก์ไว้แล้วในขณะที่รับชำระหนี้จากโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ยังส่งไส้ในของกล่องกระดาษขาดจำนวนไป 4,800 ชุด ทำให้จำเลยต้องจัดการหาไส้ในกล่องจากที่อื่นมาทดแทนเป็นเงินทั้งสิ้น 5,760 บาท ซึ่งโจทก์ต้องรับผิดตามข้อตกลงข้อ 2.2 การที่โจทก์ส่งมอบของไม่ตรงตามกำหนดในข้อตกลงเป็นเหตุให้จำเลยต้องสั่งให้พนักงานทำงานล่วงเวลาเพื่อเร่งผลิตให้ทันส่งสินค้าซึ่งต้องจ่ายค่าแรงงานล่วงเวลาไปเป็นเงิน 278,839.56 บาท รวมเป็นค่าปรับและค่าเสียหายทั้งสิ้น 348,206.73 บาท ขอให้ยกฟ้องให้โจทก์ชำระค่าปรับและค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การและแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ตามใบสั่งซื้อโจทก์ได้ส่งสินค้าให้จำเลยครบถ้วนแล้ว ความล่าช้าในการรับสินค้าเกิดจากความผิดของจำเลยเองไม่เกี่ยวกับโจทก์ โจทก์เห็นว่าจำเลยค้างชำระค่าสินค้าที่โจทก์ส่งมอบโจทก์จึงมีหนังสือขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าที่ค้างทั้งหมดเสียก่อน โจทก์จึงจะส่งมอบสินค้าให้จำเลยต่อไป แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาแก่จำเลย จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับ จำเลยไม่เคยบอกกล่าวสงวนสิทธิเรียกค่าปรับโดยจำเลยรับมอบสินค้าตามใบสั่งซื้อทั้ง 4 ฉบับจากโจทก์ไว้โดยไม่เคยอิดเอื้อนที่จำเลยขอให้โจทก์รับผิดใช้ค่าจ้างแรงงานล่วงเวลาเนื่องจากโจทก์ส่งมอบของล่าช้าเป็นข้ออ้างที่ไกลเกินเหตุ ทั้งที่จำเลยมิได้จ่ายค่าล่วงเวลาไปจริง หากจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาไปจริงก็เป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษโจทก์ไม่อาจคาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้ามาก่อน ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,045,732 บาทให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 29พฤศจิกายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้สั่งซื้อกล่องกระดาษจากโจทก์รวม 4 ครั้ง จำเลยได้รับกล่องกระดาษจากการสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 3 ครบถ้วนแล้ว โดยบางส่วนได้รับมอบภายในกำหนด บางส่วนได้รับหลังจากครบกำหนดแล้ว ซึ่งจำเลยรับไว้โดยมิได้โต้แย้งอย่างใด สำหรับกล่องกระดาษจากการสั่งซื้อครั้งที่ 4 นั้น จำเลยได้รับไว้ภายในกำหนดบางส่วน ส่วนอีก 40,140 ใบ โจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบให้จำเลยกล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไปแล้วนั้น จำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้วบางส่วน ยังมิได้ชำระบางส่วน โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระภายในเวลาอันสมควรแล้วแต่จำเลยก็ไม่ชำระต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าสินค้าที่ได้รับมอบไว้และวินิจฉัยว่า ในปัญหาข้อแรกที่จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องไม่ชอบนั้นข้อเท็จจริงปรากฎจากถ้อยคำสำนวนว่า หลังจากโจทก์ยื่นคำฟ้องแล้วเป็นเวลา 1 เดือน อยู่ระหว่างการส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีโดยวิธีปิดหมาย ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง ซึ่งสิ่งที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมนั้นบางส่วนเป็นการแก้ไขถ้อยคำและแก้วันที่ แต่ที่สำคัญคือได้เพิ่มข้อหาการที่จำเลยได้สั่งซื้อกล่องกระดาษครั้งที่ 4 เข้ามาด้วย และได้เพิ่มเติมทุนทรัพย์จากเดิม 949,532 บาท เป็นเงิน 1,145,132 บาทศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง โดยยังมิได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้งโดยที่ยังไม่ทันได้รับสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องของโจทก์ และจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจำเลยโต้แย้งคำสั่งนี้อีกครั้ง ในขณะเดียวกันศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โอกาสจำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนที่จะดำเนินการต่อไปและต่อมาเมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเป็นการแก้ข้อกล่าวหาตามคำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ศาลก็อนุญาตแล้วจึงได้มีการชี้สองสถานและดำเนินคดีต่อไป เกี่ยวกับประเด็นนี้จำเลยได้กล่าวในคำโต้แย้งและคัดค้านของจำเลยว่า คำฟ้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมนั้นเป็นการตั้งข้อเรียกร้องขึ้นใหม่ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม และศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องโดยยังมิได้ส่งสำเนาคำร้องให้แก่จำเลยศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องเดิมของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกราคากล่องกระดาษที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ 3 ครั้ง และคำร้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องนั้น โจทก์ได้ขอเพิ่งเติมโดยเรียกราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้สั่งซื้อจากโจทก์ หลังจากครั้งที่ 3 คือครั้งที่ 4เข้ามาด้วย จึงเป็นเรื่องการเรียกราคาสิ่งของประเภทเดียวกันอันเกิดจากนิติกรรมประเภทเดียวกันระหว่างโจทก์กับจำเลย คำฟ้องที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมกับคำฟ้องเดิมจึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ส่วนการที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องให้แก่จำเลยก่อนสั่งอนุญาตนั้นเห็นว่า ต่อมาภายหลังจำเลยได้รับสำเนาคำร้องและศาลได้ให้โอกาสแก่จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ และจำเลยก็ได้รับอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ โดยจำเลยได้กล่าวแก้ข้อหาของโจทก์ที่ได้เพิ่มเติมเข้ามาใหม่โดยบริบูรณ์แล้ว จำเลยไม่เสียเปรียบอย่างไร จึงไม่เห็นสมควรให้มีการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น
ปัญหาต่อไปตามฎีกาข้อ 2.1 ของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายในคำฟ้องแล้วว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทกล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับบรรจุน้ำส้มสายชูกลั่นชนิดขวดจากโจทก์รวม 4 ครั้ง รายละเอียดการสั่งซื้อ ชนิด ขนาดและจำนวนสินค้าปรากฎตามภาพถ่ายใบสั่งซื้อเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึงหมายเลข 5ตามลำดับ โจทก์ได้จัดส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อดังกล่าวให้จำเลยหลายคราว จำเลยได้รับสินค้าครบถ้วนแล้ว ปรากฎรายละเอียดวันส่งสินค้าใบส่งสินค้า และจำนวนเงินค่าสินค้าที่จัดส่งให้แต่ละคราว ตามภาพถ่ายรายการใบแจ้งหนี้เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6 รวม 10 ฉบับเป็นเงินค่าสินค้าทั้งสิ้น 1,233,132 บาท จำเลยชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์บางส่วนเป็นเงิน 88,000 บาท ยังคงค้างชำระอยู่เป็นเงิน1,145,132 บาท คำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้กล่าวโดยชัดแจ้งชอบด้วยกฎหมายแล้ว หาได้เคลือบคลุมตามที่จำเลยกล่าวอ้างไม่
ปัญหาต่อไปตามฎีกาจำเลยว่าโจทก์จะต้องใช้ค่าปรับและเสียหายตามฟ้องแย้งแก่จำเลยหรือไม่ ในเรื่องค่าปรับนั้น สัญญาข้อ 2 มีว่า”ถ้าผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสิ่งของที่ถูกต้องตามใบสั่งนี้ให้แก่ผู้ซื้อได้เลย หรือส่งมอบได้แต่เพียงบางส่วนภายในกำหนดที่กำหนดที่กล่าวไว้ในข้อ 1 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง หรือทุกอย่างดังต่อไปนี้ได้ตามแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรคือ
2.1 ปรับผู้ขายเป็นเงินร้อยละ 5 ของราคาของที่ยังมิได้ส่งมอบให้ถูกต้อง” ตามสัญญาข้อนี้จึงมีการกำหนดเบี้ยปรับไว้ทั้งสองชนิดคือเบี้ยปรับเพื่อการไม่ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 380 และเบี้ยปรับเพื่อการชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควรตามมาตรา 381ฉะนั้น ตามฎีกาของจำเลยจึงมีข้อที่จะต้องพิจารณาเป็นสองส่วนคือเบี้ยปรับสำหรับการที่โจทก์ส่วนมอบกล่องกระดาษล่าช้า กับเบี้ยปรับสำหรับการที่โจทก์มิได้ส่งมอบกล่องกระดาษจำนวน 40,140 ใบในการสั่งซื้อครั้งที่ 4 สำหรับเบี้ยปรับสำหรับการที่โจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษล่าช้านั้น เป็นกล่องกระดาษบางส่วนของการสั่งซื้อทั้ง 4 ครั้ง ในเรื่องนี้ บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 379 บัญญัติว่า “ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ ” และมาตรา 381 วรรคสาม บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้วจะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้นในเวลารับชำระหนี้” ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้ความว่า ในการสั่งซื้อกล่องกระดาษครั้งที่ 1 นั้น โจทก์ได้ส่งมอบให้จำเลยหลังกำหนด10 ครั้ง ตามเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.13 ส่วนการสั่งซื้อครั้งที่ 2โจทก์ส่งมอบของให้จำเลยรวม 20 ครั้ง แต่ละครั้งส่งมอบเกินกำหนดเวลาทุกครั้ง และการสั่งซื้อครั้งที่ 3 โจทก์ได้ส่งมอบเกินกำหนด15 ครั้ง สำหรับการสั่งซื้อครั้งที่ 4 นั้น ในงวดแรกโจทก์ส่งมอบเกินกำหนด 14 ครั้ง จำเลยรับกล่องกระดาษที่ส่งมอบเกินกำหนดไว้โดยไม่ได้โต้แย้งอย่างไร เห็นว่า จากพฤติการณ์ดังกล่าวระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยรับเอากล่องกระดาษที่ส่งเกินกำหนดหลายต่อหลายครั้งตลอดมา โดยมิได้ทักท้วงอย่างใด เป็นการที่คู่กรณีไม่ถือเอากำหนดเวลาในการส่งมอบกล่องกระดาษเป็นสำคัญ ฉะนั้นแม้โจทก์มิได้ส่งมอบกล่องกระดาษแก่จำเลยภายในกำหนดตามสัญญา โจทก์ก็หาตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าขณะรับมอบกล่องกระดาษจำเลยได้สงวนสิทธิไว้ว่าจะเรียกเบี้ยปรับแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 2 สำหรับกล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไว้ภายหลังจากครบกำหนดเวลาส่งมอบ ส่วนที่เกี่ยวกับกล่องกระดาษจำนวน 40,140 ใบ ที่โจทก์มิได้ส่งมอบให้จำเลยตามใบสั่งซื้อครั้งที่ 4 แต่กลับได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยนั้น ปรากฎข้อเท็จจริงตามที่รับฟังมาแล้วว่า จำเลยได้ค้างชำระค่ากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับมอบไปจากโจทก์สำหรับการสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 3 และค้างชำระค่ากล่องกระดาษที่สั่งซื้อในครั้งที่ 4บางส่วนด้วย โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระแล้ว จำเลยก็ไม่ชำระจำเลยจึงได้ชื่อว่าผิดนัดและผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 204 วรรคแรก และโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้ว สัญญาจึงเลิกกัน โจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องขายหรือส่งมอบกล่องกระดาษ 40,140 ใบ ให้แก่จำเลยอีกต่อไป จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากโจทก์สำหรับการที่โจทก์ไม่ส่งมอบกล่องกระดาษจำนวน 40,140 ใบ นี้เช่นกัน ส่วนที่จำเลยเรียกค่าเสียหายจากโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษเกินกำหนด จึงทำให้จำเลยต้องจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาแก่พนักงานของจำเลยเป็นเงินจำนวนหนึ่งนั้นเห็นว่า เมื่อได้วินิจฉัยมาแล้วว่าการที่โจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษแก่จำเลยเกินกำหนด มิได้เป็นการผิดนัดผิดสัญญาจำเลยจึงไม่อาจที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์ได้ ส่วนที่จำเลยเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุที่โจทก์ส่งไส้ในกล่องไม่ครบตามสัญญา 4,800 ชุด อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องจัดหาที่อื่นมาแทนอีกเป็นเงิน 5,760 บาท นั้น ข้อนี้โจทก์มิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยอย่างไร จึงถือว่าโจทก์รับแล้วโจทก์จึงต้องรับผิดใช้เงินแก่จำเลย 5,760 บาท
สำหรับประเด็นเรื่องราคากล่องกระดาษที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์นั้น จำเลยฎีกาในข้อ 2.3 ว่า จำเลยไม่ต้องชำระราคากล่องกระดาษให้โจทก์โดยอ้างสัญญาข้อ 3 เห็นว่า ราคากล่องกระดาษที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องนั้นเป็นราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไว้แล้ว แม้โจทก์จะได้ส่งมอบกล่องกระดาษบางส่วนเกินกำหนดในสัญญา จำเลยก็ไม่มีเหตุใด ๆ ตามกฎหมายที่จะไม่ต้องชำระราคากล่องกระดาษเหล่านั้นสัญญาข้อ 3 ก็ระบุว่า “ผู้ซื้อจะชำระเงินค่าสิ่งของตามใบสั่งนี้ให้แก่ผู้ขายโดยเร็วอย่างช้าไม่เกิน วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ของฝ่ายผู้ซื้อได้ตรวจรับของไว้ถูกต้องแล้วเป็นต้นไป”ซึ่งมิได้มีความหมายว่าจำเลยจะต้องชำระเงินค่ากล่องกระดาษต่อเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบครบถ้วนตามสัญญาดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างไรจำเลยจึงต้องชำระราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไปแล้วแก่โจทก์ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ราคากล่องกระดาษเต็มตามที่โจทก์ฟ้อง เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อและรับมอบกล่องกระดาษจากโจทก์ไปแล้วคิดเป็นราคา 1,233,132 บาท จำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์ไปเพียง 88,000 บาท จึงคงค้างชำระราคาอยู่ 1,145,132 บาท ในเรื่องราคากล่องกระดาษที่โจทก์ฟ้องนี้ จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่ามิได้ค้างชำระ หรือค้างชำระน้อยกว่านี้แต่อย่างใด จึงถือว่าจำเลยรับแล้วคดีไม่มีประเด็นในเรื่องราคากล่องกระดาษที่จำเลยค้างชำระ จำเลยเพียงแต่ต่อสู่ว่าโจทก์ผิดสัญญา จำเลยไม่ต้องชำระเงินแก่โจทก์ เมื่อคดีฟังว่าโจทก์มิได้ผิดสัญญา จำเลยจึงต้องชำระเงินตามที่โจทก์ฟ้องโดยมิพักต้องฟังพยานหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับจำนวนกล่องกระดาษที่จำเลยได้รับมอบและจำนวนเงินที่จำเลยยังค้างชำระโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยชำระราคากล่องกระดาษแก่โจทก์ 1,045,732 บาทเฉพาะตามใบแจ้งหนี้ที่มีผู้ลงลายมือชื่อรับสินค้าเท่านั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จำเลยต้องชำระราคากล่องกระดาษที่จำเลยได้รับไปจากโจทก์แล้วเป็นเงิน 1,145,132 บาท แต่ได้วินิจฉัยมาแล้วว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นค่าไส้ในกล่องที่โจทก์ส่งขาดไปเป็นเงิน 5,760 บาท เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว จำเลยจึงต้องชำระเงินแก่โจทก์ 1,139,372 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 1,139,392 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์