คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5415/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบต่อเนื่องมาจากกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ระบุเหตุผลในการสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และจำเลยได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นแล้วจึงไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่อีกซึ่งจำเลยเข้าใจถึงเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นแล้ว คำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลชั้นต้น จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากผู้ยื่นคำขอไม่พอใจคำสั่งของศาลชั้นต้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้บัญญัติทางแก้เป็นขั้นตอนที่ผู้ยื่นคำขอจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปคือ ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งตามมาตรา 156 วรรคห้า ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย และจำเลยได้เลือกทางแก้โดยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตามมาตรา 156 วรรคห้า แล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนด จำเลยก็จะกลับมาขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามมาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าปรับ 3,000,000 บาท และคืนเงินมัดจำ 30,000 บาทตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าปรับ 150,000 บาท และคืนเงินมัดจำ30,000 บาท รวม 180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสามไม่ยากจนมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสาม ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคห้า ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง วันที่ 20 สิงหาคม 2542 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยทั้งสามนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องและนัดไต่สวน โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม2542 ของจำเลยทั้งสามที่ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมเป็นไปโดยผิดหลง เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบจึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งยกคำร้อง และให้จำเลยทั้งสามวางเงินภายใน 15 วัน

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามฎีกาข้อแรกว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ของจำเลยทั้งสามไว้ไต่สวน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบเพราะไม่มีคำสั่งให้แจ้งชัดว่า คำร้องดังกล่าวของจำเลยทั้งสามไม่ถูกต้องอย่างไรนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบต่อเนื่องมาจากกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสามต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ระบุเหตุผลในการสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาและจำเลยทั้งสามได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่อีก ซึ่งจำเลยทั้งสามก็เข้าใจถึงเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ดังจะเห็นได้จากจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์โต้แย้งว่า แม้จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยทั้งสามจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ได้คำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลชั้นต้นจึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว

จำเลยทั้งสามฎีกาข้อสุดท้ายว่า จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดจำเลยทั้งสามจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ เป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสี่ เห็นว่า กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากผู้ยื่นคำขอไม่พอใจคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้บัญญัติทางแก้เป็นขั้นตอนที่ผู้ยื่นคำขอจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปคือ ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสี่ หรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสาม และจำเลยทั้งสามได้เลือกทางแก้โดยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า แล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนด จำเลยทั้งสามจะกลับมาขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยทั้งสามนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ อีกหาได้ไม่

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ หากจำเลยทั้งสามประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้

Share