คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีตามที่ทนายจำเลยขอและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ คำสั่งดังกล่าวมิใช่คำสั่งที่แสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและบังคับจำนอง เป็นเงินรวม 1,852,335.49 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนี้โจทก์จำนวนตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์สองนัดแรก คู่ความต่างขอเลื่อนคดีฝ่ายละครั้ง ศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานโจทก์พร้อมพยานจำเลยในนัดที่สาม ครั้นถึงวันนัด ฝ่ายโจทก์มาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีรับทราบคำสั่ง และกำหนดวันนัดพิจารณาแทน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีให้สืบพยานโจทก์ งดสืบพยานจำเลย และพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้บังคับจำนองตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีตามที่ทนายจำเลยขอ และถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบคำสั่งดังกล่าวนี้มิใช่คำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
พิพากษายืน

Share