แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับเป็นฎีกาจำเลย เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายส่วนปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยฎีกานั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายรวมกันเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยและพิพากษาเป็นบรรทัดฐาน ขอได้โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 139)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4,21,40,65,67,70ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษ ฐานปลูกสร้างอาคาร เพื่อพาณิชยกรรม ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4,21,65 ประกอบมาตรา 70 จำคุก 1 ปี ปรับ 50,000 บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 40,67 ประกอบด้วยมาตรา 70จำคุก 1 ปี ปรับวันละ 500 บาท นับแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2532 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2532 เป็นเวลา 47 วัน เป็นเงิน 235,000 บาท รวมจำคุก 2 ปี ปรับ 285,000 บาท โทษจำคุกเห็นสมควรรอไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับมีกำหนด 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 135)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 137)
คำสั่ง
คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานบุคคลเพียงปากเดียวประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนโดยไม่มีประจักษ์พยาน แล้วฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น เป็นการโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริง นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง