คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยที่ว่า “จำเลยไม่ทราบและไม่ขอรับรอง” เป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธจึงรับฟังข้อเท็จจริงได้ตามฟ้อง
บริษัท ด. และบริษัท อ. ร่วมทุนกันดำเนินธุรกิจขนส่งทางทะเล ใช้ชื่อทางการค้าว่าสายเดินเรือเมอสก์ และเรือซึ่งบรรทุกสินค้ารายนี้เป็นของสายเดินเรือเมอสก์ บริษัททั้งสองซึ่งร่วมทุนกันดังกล่าวจึงเป็นผู้รับขนสินค้ารายนี้ และถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสองนั้นเป็นผู้รับขนสินค้ารายนี้ด้วย
การที่บริษัท ย. เป็นผู้สั่งสินค้าตามฟ้องเข้ามาจากประเทศสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ต่อ อินเตอร์เนชั่นแนลแบงค์ออฟไชน่า ถือได้ว่า บริษัท ย. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสินค้าที่เอาประกันไว้นั้น
ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งในใบตราส่งที่พิมพ์เพิ่มเติมขึ้นจากแบบพิมพ์เดิมโดยไม่ปรากฏการรับรู้ของผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จะฟังว่าผู้ส่งหรือผู้ตราส่งตกลงด้วยในข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งหาได้ไม่ และเมื่อข้อจำกัดความรับผิดนั้นไม่อาจใช้ยันผู้ส่งหรือผู้ตราส่งเสียแล้ว ก็ย่อมใช้ยันผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิของผู้ส่งมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยไว้จากบริษัท ย. สำหรับสินค้าที่มีผู้ส่งมาให้บริษัท ย. จำเลยเป็นผู้รับขนสินค้าดังกล่าว ปรากฏว่าสินค้าทั้งหมดสูญหายไปในระหว่างการขนส่งของจำเลย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับตราส่งไปแล้ว จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้รับขนสินค้ารายพิพาท บริษัท ย. ไม่ใช่ผู้รับตราส่ง จึงไม่มีส่วนได้เสีย โจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปจึงไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องคดีนี้ การรับขนส่งสินค้ารายพิพาทผู้รับขนส่งจำกัดความรับผิดไว้เพียงจำนวนหนึ่ง คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่านายสถิตย์และนายฟุ้งมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์หรือไม่นั้น เห็นว่า คำให้การของจำเลยที่ว่า “จำเลยไม่ทราบและไม่ขอรับรอง” นั้น ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรคสองถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่านายสถิตย์และนายฟุ้งเป็นกรรมการของโจทก์และมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์
ปัญหาว่าจำเลยเป็นผู้รับขนสินค้ารายนี้หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทดัมป์สกิป ฯ จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ฯ จำกัด ร่วมทุนกันดำเนินธุรกิจขนส่งทางทะเล ใช้ชื่อในทางการค้าว่า สายเดินเรือเมอสก์ และเรือซึ่งบรรทุกสินค้ารายนี้เป็นเรือของสายเดินเรือเมอสก์ บริษัททั้งสองซึ่งร่วมทุนกันดังกล่าวจึงเป็นผู้รับขนสินค้ารายนี้ และถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสองนั้นเป็นผู้รับขนสินค้ารายนี้ด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า บริษัท ย. ไม่ได้มีส่วนได้เสียในสินค้าที่เอาประกันภัยนั้นเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัท ย. เป็นผู้สั่งสินค้ารายนี้ โดยการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ต่ออินเตอร์เนชั่นแนลแบงค์ ออฟไชน่า บริษัท ย. จึงมีส่วนได้เสียในสินค้าที่เอาประกันภัย
ที่จำเลยฎีกาเกี่ยวกับเรื่องข้อจำกัดความรับผิดนั้น เห็นว่า แม้จะมีข้อความจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง ปรากฏในเอกสารดังกล่าวก็ตาม แต่ปรากฏว่าเป็นข้อความที่พิมพ์ขึ้นใหม่เพิ่มเติมไปจากข้อความที่มีอยู่ในแบบพิมพ์เดิม โดยไม่ปรากฏการรับรู้ของผู้ส่งหรือผู้ตราส่งเพื่อการยินยอมตามเงื่อนไขแห่งข้อจำกัดความรับผิดนั้น เพียงพฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่า ผู้ส่งหรือผู้ตราส่งตกลงด้วยในข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่ง เมื่อข้อจำกัดความรับผิดนั้นไม่อาจใช้ยันผู้ส่งหรือผู้ตราส่งเสียแล้ว ก็ย่อมจะใช้ยันผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิของผู้ส่งมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๒๗ ตลอดจนโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งไม่ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดตามราคาสินค้าที่ขาดหาย
พิพากษายืน

Share