คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5411/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีนั้น คำสั่งดังกล่าวมีผลเท่ากับไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั่นเอง ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยสืบพยาน จึงเป็นการอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินของจำเลยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ เมื่อโจทก์ได้ดำเนินการออกใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน และส่งใบแจ้งรายการดังกล่าวให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยเพิกเฉยเสียไม่ชำระเงินค่าภาษีดังกล่าวต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าภาษี เงินเพิ่มและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธและขอให้ยกฟ้อง
หลังจากสืบพยานโจทก์แล้ว ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สามจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลภาษีอากรกลางสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25 ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยสืบพยาน เนื่องจากจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลภาษีอากรกลางสั่งงดสืบพยานจำเลยนั้น เห็นว่าคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางดังกล่าวมีผลเท่ากับไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั่นเอง อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย

Share