คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541-542/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่า ผู้ให้กู้กับผู้กู้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล. โดยผู้ให้กู้ยอมลดหนี้ให้บางส่วน. จะเป็นเหตุให้หนี้ตามสัญญาเดิมระงับ. อันเป็นผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดหรือไม่นั้น. ไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. เมื่อคู่ความมิได้ยกขึ้นต่อสู้. ศาลจะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยเองหาได้ไม่.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลรวมพิจารณาพิพากษา โดยสำนวนแรก นายเชือนเป็นโจทก์ฟ้องว่า นางสวงจำเลยที่ 2 หลอกลวงนายเชือนให้ลงชื่อในสัญญา 2 ฉบับว่า เพื่อเป็นพยานในสัญญาที่นายเส้งจำเลยที่ 1กู้เงินนางสวงไป ต่อมานางสวงฟ้องจำเลยที่ 1 และมีการบังคับคดียึดที่ดินของนายเชือน นายเชือนจึงทราบว่าที่ลงชื่อให้นางสางไปนั้นมิใช่ลงชื่อเป็นพยาน แต่เป็นผู้ค้ำประกันนายเส้งซึ่งกู้เงินนางสวงขอให้พิพากษาว่าสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นโมฆะ นายเส้งจำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้เอา ส.ค.1 ของนายเชือนวางประกันเงินกู้ โดยนายเชือนไม่รู้เห็นด้วย นางสวงจำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า เดิมที่ดินรายนี้เป็นของนายเชือนจริง แต่ต่อมาขายให้นายเส้ง ที่นายเชือนฟ้องคดีนี้ก็โดยสมยอมกับนายเส้ง สำนวนหลัง นางสวงเป็นโจทก์ฟ้องนายเชือนว่า นายเชือนเป็นผู้ค้ำประกันนายเส้งซึ่งกู้เงินนางสวงไป 2 คราว รวม 9,600 บาทต่อมานายเส้งถูกนางสวงฟ้องและทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลยอมชำระเงินให้นางสวง 8,500 บาท ชำระแล้ว 1,000 บาท นอกนั้นผิดสัญญาขอให้บังคับนายเชือนชำระเงิน 7,500 บาทแก่นางสวง นายเชือนต่อสู้อย่างเดียวกับคำฟ้องในสำนวนแรก และว่าตนไม่ต้องรับผิด ศาลชั้นต้นฟังว่า นายเชือนลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันด้วยความสมัครใจ แต่หนี้ที่นายเชือนค้ำประกันนั้น นายเส้งผู้กู้กับนางสวงผู้ให้กู้ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลให้นายเส้งชำระหนี้เพียง 7,500 บาท สัญญากู้เดิมระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852, 349 นายเชือนผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิดตามมาตรา 698แม้นายเชือนไม่ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน พิพากษาว่าสัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะ แต่นายเชือนไม่ต้องรับผิดให้ยกฟ้องนางสวง นายเชือน และนางสวงอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่นายเส้งกับนางสวงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จะทำให้หนี้เดิมระงับไปหรือไม่นั้น ไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องนายเชือน ให้นายเชือนชำระเงิน 7,500 บาทแก่นางสวง พร้อมด้วยดอกเบี้ย นายเชือนฎีกาทั้งสองสำนวน ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่า นายเชือนเป็นผู้ค้ำประกันด้วยความสมัครใจ มิได้เกิดจากการหลอกลวง ปัญหาที่ว่า การที่นางสวงกับนายเส้งทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล โดยนางสวงยอดลดหนี้รายนี้จาก 9,600 บาท เหลือ 8,500 บาทจะเป็นเหตุให้หนี้ตามสัญญากู้เดิมระงับ อันเป็นผลให้นายเชือนหลุดพ้นจากฐานะเป็นผู้ค้ำประกันนายเส้งหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้เดิมที่นายเชือนค้ำประกันนายเส้งไว้คือ 9,600 บาท ซึ่งต่อมานางสวงกับนายเส้งได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลคงให้นายเส้งใช้เงินแก่นางสวง 8,500 บาท และนายเส้งก็ผ่อนชำระให้นางสวงไปแล้ว 1,000 บาท คงเหลือ 7,500 บาท ย่อมทำให้นายเชือนผู้ค้ำประกันลดภาระลง ดังนี้ ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองโดยลำพังว่าสัญญากู้เดิมระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852, 349 นายเชือนผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 698 ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และนายเชือนฎีกาต่อมานั้นมิได้ เพราะไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหนี้ระหว่างนางสวงกับนายเส้งก็ยังคงมีอยู่ และการที่ลดจำนวนหนี้ลงนั้นเป็นผลดีแก่นายเส้งอยู่แล้ว กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องของคู่กรณีโดยเฉพาะ ไม่กระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด เมื่อคู่กรณีมิได้ยกขึ้นต่อสู้ และศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองมิได้ก็ไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยว่าหนี้ตามสัญญากู้เดิมระงับ สัญญาค้ำประกันย่อมระงับตามไปด้วย ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุอื่นอันศาลจะรับฟังว่าสัญญาค้ำประกันระงับไปแล้วอีกด้วย นายเชือนจึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน พิพากษายืน.

Share