คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าของสถานที่เช่าทำสัญญากู้ไว้แก่ผู้ตกลงเช่ามีกำหนดชำระคืนแน่นอนในเดือนปีนั้น เมื่อครบกำหนดแล้วแม้จะเป็นเงินมัดจำก็ต้องคืน
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่ กระทำอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา การดังนี้ไม่ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง ม.177

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป ๑๐,๐๐๐ บาทสัญญาชำระคืนในเดือนมกราคม ๒๔๘๘ ตามสำเนาท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าได้รับเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ไปจากโจทก์ตามสัญญากู้ท้ายฟ้องจริง แต่ไม่ใช่เงินกู้เป็นเงินวางประจำการเช่าตึกแถวของจำลเย ในการตกลงเช่าโจทก์จำเลยได้มีสัญญาต่อกันฉบับหนึ่ง ต่อมาโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงริบเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทนั้น สัญญาที่โจทก์ฟ้องเป็นนิติกรรมอำพราง
ศาลแพ่งฟังว่าในวันเดียวกันโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญากัน ๓ ฉบับคือ ๑. โจทก์ตกลงเช่าตึกรายนี้นับแต่ผู้เช่าเดิมถูกศาลพิพากษาให้ออกไป ๒. เมื่อผู้เช่าเดิมออกไปแล้ว โจทก์ยอมชำระค่าเสียหายทดแทนให้จำเลย ๒๐,๐๐๐ บาท ถ้าโจทก์ไม่เข้าครอบครองด้วยเหตุใด ๆ หรือไม่ ชำระเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทนี้ สัญญาเช่าเป็นอันเลิก โจทก์ต้องเสียค่าเสียหายให้จำเลย ๑๐,๐๐๐ บาท โดยยอมให้หักกับหนี้เงินกู้ ๓. สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้อง ต่อมาจำเลยได้ฟ้องผู้เช่าเดิมและบริวาร จน ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๙ จำเลยจึงได้ครอบครองสถานที่เช่า เห็นว่าเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทนี้ เป็นทำนองเงินมัดจำเช่าตึก โจทก์ไม่อาจเข้าครอบครองที่เช่าได้ โจทก์ไม่ผิดสัญญา จำเลยต้องคืนมัดจำ รับผิดตามสัญญากู้ และไม่ใช่นิติกรรมอำพราง พิพากษาให้จำลเยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตั้งแต่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ไม่ใช่เรื่องเงินกู้ ทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา ได้พิเคราะห์สัญญาทั้ง ๓ ฉบับแล้ว สำหรับสัญญากู้มีความว่าจำเลยจะต้องชำระคืนในมกราคม ๒๔๘๘ นั้น แม้จะเป็นมัดจำในการเช่า จำเลยก็ต้องส่งคืน จำเลยเป็นแต่กล่าวในคำให้การว่าโจทก์ผิดสัญญา แต่หาได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่กระทำอย่างใดเป็นการผิดสัญญานั้นไม่ จำเลยไม่แสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตนไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.๑๗๗ จึงไม่ก่อให้เกิดประเด็นขึ้นและจำเลยไม่พ้นความรับผิด
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share