คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยมีหน้าที่สืบพยานก่อน จำเลยก็รับรองไม่คัดค้าน จนสืบพยานจำเลยไป 4 ปากแล้วยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำพยานจำเลยว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์กับข้ออ้างตราจองประกอบการวินิจฉัย ส่วนพยานอื่น ๆ ของดสืบพยานจำเลยโดยความสมัครใจของจำเลยเอง การที่ศาลชั้นต้นสั้งงดสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีนั้น ต้องถือว่าเป็นการสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบต่อไปฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวน พิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่นั้น ก็หมายความว่า ให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลสั่งงดไว้นั้นต่อไปเท่านั้น และเมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยก็มิได้แถลงหรือคัดค้านจะขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่อย่างใด จนเมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยจึงแถลงขอสืบพยานจำเลยต่อไป ดังนี้ศาลสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีจึงเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยสืบพยานจำเลยไปแล้ว ๔ ปาก ก็ยื่นคำร้องว่าปรากฎจากคำขุนนิตินาทฯ นายทะเบียนที่ดินพยานจำเลยว่า ที่พิพาทเป็นของนายห่อ โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลย จำเลยขออ้างตราจองเลขที่ ๓๒ ส่วนพยานอื่นของดสืบต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้ว สั่งงดสืบพยานพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจนเสร็จสิ้นกระแสร์ความ แล้วพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปจนหมดพยานโจทก์จำเลยแถลงขอสืบพยานอีก ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วส่วนข้อเท็จจริงในคดีจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะข้อที่ว่า ศาลล่างดำเนินการพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นสั้งให้จำเลยมีหน้าสืบพยานก่อนซึ่งจำเลยก็รับรองว่าถูกต้องไม่คัดค้านจนสืบพยานจำเลย ๔ ปากแล้ว จำเลยจึงยื่นคำร้องว่าข้อเท็จจริงรับฟังจากขุนนิตินาทฯ นายทะเบียนที่ดิน ประกอบเอกสารตราจองที่ ๓๒ ว่า ที่พิพาทเป็นของนายห่อ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ๆ จึงขออ้างตราจองที่ ๓๒ มาประกอบการวินิจฉัย ส่วนพยานอื่นของดสืบต่อไปซึ่งเป็นการงดสืบโดยความสมัครใจของจำเลยเอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในชั้นแรกต้องถือว่าเป็นการสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบต่อไป หาใช่สั่งงดสืบพยานจำเลยไม่ เพราะจำเลยของดสืบพยานของตนเองอยู่แล้ว ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาในครั้งแรก ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปนั้น ก็หมายความว่าให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลสั่งงดสืบไว้นั้นต่อไป ส่วนกระบวนพิจารณาที่ดำเนินมาก่อนแล้ว คือการที่จำเลยสืบพยานมาตลอดจนแถลงงดสืบพยานต่อไปนั้น เป็นอันใช้ได้อยู่มิได้ยกเลิกไปด้วย นอกจากนั้นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสืบพยานโจทก์ต่อไปนั้น จำเลยก็หาได้แถลงหรือคัดค้านไม่ว่าจำเลยมีความจำนงค์ จะขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่อย่างใด ครั้นเมื่อศาลสืบพยานโจกท์เสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงมาแถลงจะขอสืบพยานต่อไปอีก ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share