คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5399/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคสอง กำหนดไว้โดยอาศัยสิทธิเรื่องอายุความที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสาม นั้น มีได้เฉพาะในกรณีที่โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากผู้กระทำผิดทางอาญาซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจน คดีถึงที่สุดไปแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเท่านั้น มิได้หมายความถึงการเรียกร้องจากผู้อื่นซึ่งมิได้เป็นผู้กระทำผิดหรือร่วมกระทำผิดทางอาญาด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของนายเอกชัย เจริญเขษมสุข ทำให้รถยนต์ของนายเอกชัยได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท โจทก์ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่นายเอกชัยแล้ว จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิของนายเอกชัย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจรับช่วงสิทธิจากนายเอกชัยเพราะโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่จะชดใช้ค่าเสียหายแก่นายเอกชัย จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นฝ่ายประมาทและคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์จะอาศัยสิทธิเรื่องอายุความที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๑วรรคสาม ได้เฉพาะในกรณีที่โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากผู้กระทำผิดทางอาญาซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจนคดีถึงที่สุดไปแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง จึงให้นัอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง กำหนดไว้เท่านั้น มาตราดังกล่าวนี้มิได้หมายความถึงผู้อื่นซึ่งมิได้เป็นผู้กระทำผิดหรือร่วมกระทำผิดทางอาญาด้วย ดังนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในฐานะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ ๑ จึงมิใช่เป็นการฟ้องผู้กระทำผิดหรือร่วมกระทำผิดทางอาญาต้องนับอายุความตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง คือ ๑ ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ เมื่อเกิน ๑ ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ จึงขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share