แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยาน คงมีแต่ ฉ. เบิกความว่าผู้เสียหายได้เล่าให้ฟังว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ผู้เสียหายกับมีคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย และบันทึก การ ชี้ ตัวจำเลยเป็นพยาน ซึ่งล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ไม่อาจฟังลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี, 288, 289, 80, 90 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 13, 14 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน ราคา 35,500 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ประกอบกับมาตรา 80 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์รถจักรยานยนต์ 1 คัน ราคา 35,500 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาจะต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ นายเฉลิม แวววงษ์ทอง พยานโจทก์เบิกความว่าหลังจากทราบว่าผู้เสียหายถูกยิงได้รับบาดเจ็บและไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร จึงได้ไปเยี่ยมผู้เสียหายที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้รับคำบอกเล่าจากผู้เสียหายว่า วันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายไประหว่างทางจำเลยได้ชิงเอารถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ไปและใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อไปดูที่เกิดเหตุในวันรุ่งขึ้นแล้วจึงได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอส่องดาวในวันเดียวกัน สำหรับนายชัชชัย แวววงษ์ทอง ผู้เสียหาย โจทก์ไม่ได้ตัวมาเบิกความเป็นพยาน คงอ้างส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนและบันทึกการชี้ตัวของผู้เสียหายเป็นพยาน ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ตามลำดับ ซึ่งตามบันทึก คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวได้ความว่าวันเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พาจำเลยไปหาเพื่อนจำเลยที่อำเภอส่องดาว ระหว่างทางจำเลยได้ชิงเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้เสียหายและเมื่อจับกุมจำเลยได้พนักงานสอบสวนได้ให้ผู้เสียหายชี้ตัวจำเลย ผู้เสียหายชี้ตัวได้ถูกต้อง นอกจากพยานบุคคลและพยานเอกสารดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่มีพยานอื่นเบิกความว่าจำเลยเป็นคนร้ายชิงทรัพย์ผู้เสียหาย เห็นว่า ทั้งคำเบิกความของนายเฉลิม บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนและบันทึกการชี้ตัวของผู้เสียหายล้วนเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบประกอบให้มั่นคงก็ไม่อาจฟังลงโทษจำเลยได้”
พิพากษายืน