คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขออ้างว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของผู้ร้องซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา การออกหมายบังคับและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินกระบวนบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด ดังนี้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องขัดทรัพย์ มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดนั้น ตามมาตรา 288 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 149,392 บาท แก่โจทก์ที่ 1 และ 72,365 บาท แก่โจทก์ที่ 2 และ 74,696 บาท แก่โจทก์ที่ 3 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 128,170 บาท แก่โจทก์ที่ 1 ในต้นเงิน 64,085 บาท แก่โจทก์ที่ 2 และในต้นเงิน 64,085 บาท แก่โจทก์ที่ 3 จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20, 21 หมู่ที่ 5 ตำบลอรัญคามวารี อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของจำเลย แล้วขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงไปในราคา 160,000 บาท
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องที่ 1 ซื้อที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20 จากนายวิชัย จันทนุกูล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2540 ในราคา 300,000 บาท ผู้ร้องที่ 2 ซื้อที่ดินตาม ภ.ท.บ.5 เลขสำรวจที่ 21 จากจำเลยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2541 ในราคา 225,000 บาท นับตั้งแต่ทำสัญญาซื้อขายผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองทำประโยชน์ปลูกยางพาราเต็มพื้นที่มาโดยตลอด ที่ดินทั้งสองแปลงที่โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของผู้ร้องทั้งสองมิใช่ของจำเลย การออกหมายบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินกระบวนวิธีการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด
โจทก์ที่ 1 ยื่นคำให้การว่า ที่ดินทั้งสองแปลงที่ยึดเป็นของจำเลย การซื้อขายที่ดินที่ยึดตามสัญญาซื้อขายของผู้ร้องทั้งสองเป็นการปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้นทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20, 21 หมู่ที่ 5 ตำบลอรัญคามวารี อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีชื่อสามีจำเลยและจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและขายทอดตลาดไปในราคา 160,000 บาท ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องทั้งสองมีว่า ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาดได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขออ้างว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และขายทอดตลาดนั้นเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของผู้ร้องทั้งสองซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา การออกหมายบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินกระบวนวิธีการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสองเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด อันมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องขัดทรัพย์ มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 แต่อย่างใด และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองได้นั้นตามมาตรา 288 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปก่อนแล้วผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้ ที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่า ผู้ร้องทั้งสองเพิ่งทราบเรื่องการยึดและการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดภายหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปแล้วนั้น ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุตามกฎหมายที่ผู้ร้องทั้งสองจะยกขึ้นอ้างเพื่อให้ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share