คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยยืนใช้มือข้างหนึ่งเกาะรถยนต์ และถ่ายปัสสาวะรดตรงท้ายประตูด้านขวาปัสสาวะที่จำเลยถ่ายออกย่อมจะต้องถูกรถยนต์ไม่มากเป็นความประพฤติที่ไม่สมควร ก็น้อย การกระทำของจำเลยที่ใช้รถยนต์ของผู้อื่นเป็นที่กำบังในการถ่ายปัสสาวะอย่างยิ่งจำเลยเป็นผู้ก่อเรื่องไม่งดงามขึ้นก่อน เมื่อจำเลยถูกต่อว่าและไม่ว่าจะถูกตบท้ายทอยโดยบุคคลใดในฝ่ายผู้เสียหายหรือไม่ จำเลยพึงต้องอดทน การที่จำเลยตอบโต้โดยมีการต่อปากต่อคำนำไปสู่การวิวาทที่รุนแรง แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนในการวิวาท โดยไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้เสียหายมีใครใช้อาวุธปืนเช่นจำเลย ดังนี้ จำเลยหามีสิทธิที่จะอ้าง ว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำเพราะบันดาลโทสะได้ไม่ จำเลยกระทำการอุกอาจร้ายแรงมีปืนเป็นอาวุธ และยังได้ยิงปืน ซึ่งพนักงานสอบสวนเก็บปลอกกระสุนปืนได้ถึง 9 ปลอก จำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ถึงบาดเจ็บโดยเฉพาะผู้เสียหายที่ 4 ถูกทำร้ายจนสลบทั้ง ๆ ที่นั่งหลบอยู่ข้างรถยนต์พฤติการณ์ แห่งการกระทำของจำเลยจึงยังไม่สมควรรอการลงโทษให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 295, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 376, 91 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 6 เดือน ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในที่ชุมชนปรับ 500 บาท รวมจำคุก 2 เดือน ปรับ 500 บาท ค่าปรับไม่ชำระให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางคำ ข้ออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว หลังจากจำเลยยื่นฎีกา 7 เดือนเศษ จำเลยยื่นคำร้องเสนอข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ยังบกพร่องอยู่ข้อเท็จจริงที่จำเลยเสนอเพิ่มเติมมีทั้งที่เป็นเหตุส่วนตัว และเหตุในลักษณะคดีจำเลยกล่าวอ้างในคำร้องว่าจำเลยเบิกความต่อศาลปฏิเสธความผิดฐานพยายามฆ่าเท่านั้นและได้เบิกความรับสารภาพในความผิดฐานอื่น แต่คำร้องของจำเลยก็หาได้ขอถอนฎีกาส่วนใดส่วนหนึ่งแต่ประการใดไม่ ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี เพราะบันดาลโทสะก็ดี จึงยังคงอยู่อันศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยต่อไปโดยลำดับ ข้อเท็จจริงแห่งคดีรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าขณะเกิดเหตุทั้งกลุ่มผู้เสียหายและกลุ่มจำเลยต่างมึนเมา เพราะเสพเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง และต้นเหตุแห่งการวิวาทเนื่องจากจำเลยไปถ่ายปัสสาวะข้างรถยนต์ของผู้เสียหายที่ 3 โดยฝ่ายผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยถ่ายปัสสาวะรดรถยนต์ แต่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้างว่าจำเลยถ่ายปัสสาวะลงพื้น คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า การที่จำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 เป็นการกระทำอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือโดยบันดาลโทสะหรือไม่การจะวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ควรจะต้องวินิจฉัยเหตุอันเป็นชนวนวิวาทเสียก่อน ในส่วนของข้อเท็จจริงอันเป็นชนวนวิวาท คือ การที่จำเลยไปถ่ายปัสสาวะนั้น รถยนต์ที่จำเลยไปถ่ายปัสสาวะรดหรือถ่ายปัสสาวะใกล้ ผู้เสียหายเบิกความว่า ได้แก่คันหมายเลขทะเบียน 1ป-2544 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อตรวจดูตามภาพถ่ายหมาย ป.จ.6(ศาลจังหวัดลำพูน) แล้ว ปรากฏว่าเป็นรถยนต์สีแดง รถยนต์คันนี้จอดอยู่เรียงกับรถยนต์สีเขียว สอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่า จำเลยไปถ่ายปัสสาวะระหว่างรถยนต์สีแดงและสีเขียว แต่เมื่อพิจารณาระยะห่างระหว่างรถยนต์ 2 คันนี้แล้วจะเห็นว่าอยู่ห่างกันมาก ที่ว่างตรงนั้นเป็นที่โล่ง ประกอบกับเป็นที่ชุมนุมชน มีผู้คนมาพักผ่อนและผ่านไปมาพลุกพล่าน จึงไม่มีที่กำบังอันจะให้จำเลยไปถ่ายปัสสาวะในที่ว่างนั้นได้โดยไม่ประเจิดประเจ้อ แม้จำเลยมึนเมาแต่ก็ยังรู้ตัวอยู่บ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะไปยืนเด่นถ่ายปัสสาวะในที่โล่งระหว่างรถยนต์ 2 คัน การที่จำเลยไปถ่ายปัสสาวะในบริเวณนั้น น่าเชื่อว่าจำเลยจะต้องยืนเข้าแอบชิดรถยนต์คันใดคันหนึ่งและหันหน้าเข้าหารถยนต์คันนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงลักษณะประเจิดประเจ้อ ดังที่ผู้เสียหายที่ 1 ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า จำเลยยืนใช้มือข้างหนึ่งเกาะรถยนต์และถ่ายปัสสาวะรดตรงท้ายประตูด้านขวา จำเลยเองก็เบิกความใช้คำว่า จำเลยยืนถ่ายปัสสาวะอยู่ข้างรถยนต์ ดังนี้ มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า ปัสสาวะที่จำเลยถ่ายออกจะต้องถูกรถยนต์ไม่มากก็น้อย การกระทำของจำเลยที่ใช้รถยนต์ของผู้อื่นเป็นที่กำบังในการถ่ายปัสสาวะ เป็นความประพฤติที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จำเลยเป็นผู้ก่อเรื่องไม่งดงามขึ้นก่อน เมื่อจำเลยถูกต่อว่าไม่ว่าจะถูกคนหนึ่งในฝ่ายผู้เสียหายตบท้ายทอยจำเลยตามที่จำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ก็ตาม จำเลยพึงต้องอดทน การที่จำเลยตอบโต้โดยมีการต่อปากต่อคำนำไปสู่การวิวาทที่รุนแรง แล้วจำเลยยังได้ใช้อาวุธปืนในการวิวาท โดยไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้เสียหายมีใครใช้อาวุธปืนเช่นจำเลย ดังนี้ จำเลยหามีสิทธิที่จะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำเพราะบันดาลโทสะแต่ประการใดไม่ มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า สมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่เห็นว่า จำเลยกระทำการอุกอาจร้ายแรงมีปืนเป็นอาวุธ และยังได้ยิงปืน ซึ่งพนักงานสอบสวนเก็บปลอกกระสุนปืนได้ถึง 9 ปลอก จำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ 3ที่ 4 ถึงบาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้เสียหายที่ 4 นั่งหลบอยู่ข้างรถยนต์จำเลยก็ไม่ละเว้น โดยได้ทำร้ายผู้เสียหายที่ 4 จนสลบ ที่จำเลยกล่าวในคำร้องเพิ่มเติมข้อเท็จจริงว่าจำเลยเบิกความรับสารภาพในฐานทำร้ายร่างกาย ก็ไมปรากฏเช่นนั้น พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยเมื่อพิเคราะห์โดยตระหนักแล้วยังไม่สมควรรอการลงโทษให้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share