แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในคดีล้มละลายเรื่องก่อนซึ่งศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือทวงหนี้ไปยังผู้ร้อง และเรียกผู้รับมอบอำนาจผู้ร้องมาทำการสอบสวนแล้ว ขณะคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีนี้ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีล้มละลายเรื่องก่อน ดังนี้ อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีก่อนย่อมหมดไป กระบวนพิจารณาล้มละลายที่ดำเนินไปแล้วซึ่งมีผลเฉพาะคดีนั้นเป็นอันยุติ แม้จะเป็นมูลหนี้รายเดียวกันหรือผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นบุคคลคนเดียวกัน ก็ไม่อาจนำกระบวนพิจารณาที่ดำเนินไปแล้วนั้นมาใช้กับคดีนี้หรือคดีอื่นได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ที่ค้างชำระโดยไม่ได้แจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระหนี้ ไม่ให้โอกาสผู้ร้องปฏิเสธหนี้ และไม่มีการสอบสวนโดยถือเอากระบวนพิจารณาที่กระทำไปแล้วในคดีก่อนมาเป็นกระบวนพิพากษาคดีนี้ หนังสือยืนยันหนี้ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมจำเลยถูกฟ้องคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่า เป็นหนี้ค่าซื้อไม้แก่จำเลยให้ชำระหนี้ดังกล่าว ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้แล้ว ต่อมาศาลได้สั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้แก่ลูกหนี้(จำเลย) ซึ่งถูกฟ้องคดีล้มละลายเป็นคดีนี้อีก อ้างว่าได้สอบสวนหนี้ของผู้ร้องในคดีล้มละลายเดิมแล้ว ผู้ร้องเป็นหนี้ค้างชำระแก่ลูกหนี้ (จำเลย) ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 เดิมศาลจำหน่ายคดีแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.175/2526 คดีใหม่ ซึ่งไม่เคยมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้เลย ขอให้ยกคำสั่งที่ยืนยันให้ชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสีย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่าได้ตรวจหลักฐานในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.187/2526แล้ว ผู้ร้องเป็นหนี้ค้างชำระแก่จำเลย (ลูกหนี้) จริง ที่ศาลจำหน่ายคดีดังกล่าวเพราะจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เดิมจำเลยถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายคดีหมายเลขดำที่ ล.160/2525 คดีหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 ระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าวศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยแจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้ค่าสินค้าที่ซื้อจากจำเลยเป็นเงิน 59,400บาท ผู้ร้องปฏิเสธหนี้ดังกล่าว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สอบสวนแล้ว เห็นว่าผู้ร้องยังเป็นหนี้จำเลยตามจำนวนที่แจ้ง แต่ยังมิได้ทำเป็นหนังสือยืนยันหนี้ไปถึงผู้ร้อง ศาลได้สั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.175/2526 คดีนี้ และได้สั่งจำหน่ายคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 ออกจากสารบบความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีนี้จึงมีหนังสือยืนยันไปยังผู้ร้องให้ชำระหนี้ค่าสินค้า จำนวน 59,400 บาท ตามที่ได้สอบสวนไว้แล้วในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 จึงมีปัญหาว่าหนังสือยืนยันหนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีไปถึงผู้ร้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าเมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีล้มละลายหมายเลขดำที่ ล.160/2525 คดีหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 ออกจากสารบบความแล้ว อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีดังกล่าวย่อมหมดไป กระบวนพิจารณาล้มละลายที่ดำเนินไปแล้วซึ่งมีผลเฉพาะคดีนั้นเป็นอันยุติ แม้จะเป็นมูลหนี้รายเดียวกันหรือผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นบุคคลคนเดียวกัน ก็ไม่อาจนำกระบวนพิจารณาที่ดำเนินไปแล้วนั้นมาใช้กับคดีนี้หรือคดีอื่นได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยในคดีนี้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ที่ผู้ร้องค้างชำระจำเลยต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ได้แจ้งความเป็นหนังสือให้ผู้ร้องชำระหนี้ ไม่ให้โอกาสผู้ร้องปฏิเสธหนี้ และไม่มีการสอบสวนโดยถือเอากระบวนพิจารณาที่ได้กระทำไปแล้วในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.187/2526 มาเป็นกระบวนพิจารณาคดีนี้นั้น หนังสือยืนยันหนี้ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน