คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5367/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยผู้เป็นนายจ้างยินยอมให้ ม.นำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและกุญแจรถไปเก็บไว้ที่บ้านของม. ถือได้ว่าจำเลยยินยอมให้ ม. นำรถยนต์บรรทุกออกไปใช้ได้ตลอดเวลาตราบใดที่รถยนต์บรรทุกยังไม่กลับมาอยู่กับจำเลยก็ย่อมต้องถือว่า ม.ขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้าง ซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่ ม.กระทำด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนม-4667 สมุทรสาคร และได้ให้นายทินกร เฟื่องขจร เช่าซื้อไปส่วนจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534นายมนัส ทองนุสนธ์ ลูกจ้างของจำเลยปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมาของจำเลยไปตามถนนมิตรภาพจากอำเภอสีคิ้วมุ่งหน้าไปอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความประมาทเลินเล่อโดยขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แซงรถยนต์คันอื่นล้ำเข้าไปช่องเดินรถที่แล่นสวนทางมาในขณะที่การจราจรพลุกพล่าน อันเป็นที่คับขัน เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-4667 สมุทรสาคร ของโจทก์ ซึ่งมีนายทินกรเป็นผู้ขับสวนทางมา ทำให้รถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 236,138 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 220,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า นายมนัสไม่ได้เป็นตัวแทนทำการตามคำสั่งและในกิจการของจำเลย แต่นายมนัสได้ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา ไปโดยส่วนตัวของนายมนัสจำเลยไม่ได้รู้เห็นหรือยินยอมอนุญาตแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน195,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่15 เมษายน 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายมนัสลูกจ้างจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุของจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่านายมนัสกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโทยศนันท์ ชมบุญเป็นพยานเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า วันเกิดเหตุนายมนัสนำรถยนต์บรรทุกออกไปได้เพราะจำเลยได้มอบกุญแจรถให้นายมนัสเก็บรักษาไว้ ส่วนนายมนัสให้การว่า จำเลยมอบรถยนต์บรรทุกและกุญแจรถให้เก็บรักษาไว้ ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า นายมนัสมีบ้านพักอยู่ห่างบ้านจำเลยประมาณ200 เมตร หลังจากนายมนัสนำรถยนต์บรรทุกไปส่งของแล้วจะต้องนำรถยนต์บรรทุกจอดไว้ที่บ้านนายมนัส ส่วนกุญแจรถจะต้องเก็บไว้ที่บ้านจำเลย วันเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้านนายมนัสเข้าไปเอากุญแจรถเอง ศาลฎีกาวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบแล้วมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้มอบรถยนต์บรรทุกและกุญแจรถให้นายมนัสเก็บรักษาไว้ ดังนั้นพฤติการณ์ที่จำเลยยินยอมให้นายมนัสนำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและกุญแจรถไปเก็บไว้ที่บ้านนายมนัส ถือได้ว่าจำเลยยินยอมให้นายมนัสนำรถยนต์บรรทุกออกไปใช้ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่รถยนต์บรรทุกยังไม่กลับมาอยู่กับจำเลยก็ย่อมต้องถือว่านายมนัสขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดด้วย
พิพากษายืน

Share