คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตั้งแผงขายผลไม้ที่บริเวณสันรางน้ำและขอบรางน้ำริมถนนซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าตลาดมานานหลายปีแล้ว ถัดจากแผงของจำเลยเข้าไปเป็นแผงขายปลาของโจทก์ร่วม ซึ่งเช่ามาจากผู้ดูแลตลาด โจทก์ร่วมได้ยกแผงของจำเลยออกแล้วเทพื้นปูนซีเมนต์บริเวณที่ตั้งแผงทั้งของโจทก์ร่วมและจำเลยในยามวิกาลเวลา 23 นาฬิกาเศษ เมื่อเทพื้นแล้วได้ยกแผงขายของของโจทก์ร่วมมาตั้งแทน โดยติดขาแผงไว้กับพื้นซีเมนต์ด้วย ต่อมาวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 9 นาฬิกา จำเลยทำพื้นซีเมนต์บริเวณที่ตั้งแผงของจำเลยเสียหาย แต่กรณีมีเหตุให้ฟังได้ว่าจำเลยเชื่อว่าแผงของจำเลยตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะ และหากจำเลยไม่ทุบพื้นซีเมนต์งัดไม้แบบและขาโต๊ะของโจทก์ร่วมออก จำเลยก็ไม่สามารถตั้งลังและแผงขายของของตนได้ เช่นนี้ การที่จำเลยกระทำดังกล่าวจึงเป็นเพียงเพื่อจะตั้งแผงขายผลไม้ตามที่ขายอยู่เป็นประจำวันด้วยความเชื่อโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิที่จะกระทำได้เท่านั้น หาเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันแล้วฟังได้ว่าจำเลยตั้งแผงขายผลไม้ที่บริเวณสันรางน้ำและขอบรางน้ำริมถนนสุขสวัสดิ์ ซอย 8 ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าตลาดสุขสวัสดิ์มานานหลายปีแล้ว ถัดจากแผงของจำเลยเข้าไปเป็นแผงขายปลาของโจทก์ร่วมซึ่งเช่ามาจากนายพจน์ จิรจริยาเวช ผู้ดูแลตลาดสุขสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2530 เวลา 23 นาฬิกาเศษโจทก์ร่วมได้ยกแผงของจำเลยออกแล้วเทพื้นปูนซิเมนต์บริเวณที่ตั้งแผงทั้งของโจทก์ร่วมและจำเลยต่อมาวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 9 นาฬิกา จำเลยทำพื้นซีเมนต์บริเวณที่ตั้งแผงของจำเลยเสียหายเป็นรอยกว้างประมาณ1 คืบ ยาว 1 เมตร ปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่า แผงขายผลไม้ของจำเลยที่เกิดเหตุอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 12872 ของนายจำรัส จุลละบุษปะหากฟังว่าแผงของจำเลยอยู่ในที่สาธารณะ พื้นซีเมนต์ก็เป็นของโจทก์ร่วมทำขึ้น เมื่อจำเลยทำให้เสียหาย จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้มีเจตนากระทำผิดไม่ได้ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีนายจำรัส จุลละบุษปะเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 12872 มาเบิกความยืนยันว่า แผงขายของทั้งของโจทก์ร่วมและของจำเลยตั้งอยู่ในที่ดินของตนก็ตาม แต่ฝ่ายจำเลยนำสืบหักล้างว่า ที่ตั้งแผงของจำเลยเดิมจำเลยเช่ามาจากนายแสวง อิ่มแสง แต่ภายหลังนายแสวงยกที่ดินให้กรุงเทพมหานครทำเป็นถนนและรางน้ำ จำเลยจึงขายของอยู่ที่ขอบรางน้ำติดถนนซึ่งเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้เสียค่าเช่าให้แก่ผู้ใดอีก นอกจากนั้นจำเลยมีนายสมชาย ศรสังข์ทอง ช่างรังวัดประจำสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน มาเบิกความเป็นพยานว่า พยานได้ทำการปูโฉนดที่ดินเลขที่ 12872 ซึ่งเป็นของนายจำรัส จุลละบุษปะตามหนังสือของศาลแขวงธนบุรี เพื่อประสงค์จะทราบว่าที่พิพาทเป็นของใคร ในวันปูโฉนดที่ดินและรังวัดที่ดินมีทนายโจทก์ร่วม ตัวแทนเจ้าของที่ดินและจำเลยไปด้วย แต่เนื่องจากสภาพที่ดินเปลี่ยนแปลงเป็นตึกแถวและตลาด มีสิ่งกีดขวางไม่สามารถพบหลักเขตเก่ารอบแปลงที่ดินที่จะรังวัด และไม่อาจยึดโยงที่ดินแปลงข้างเคียงได้เพราะมีสภาพเช่นเดียวกัน ทำให้ไม่ทราบแนวเขตที่ดินที่แน่นอนได้ จึงไม่อาจปูโฉนดที่ดินได้ตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย ล.12 จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ว่า แม้เจ้าพนักงานที่ดินเองก็ไม่อาจยืนยันว่าบริเวณแผงที่เกิดเหตุอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 12872 ของนายจำรัสหรือไม่ นอกจากนั้นได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมและนายพจน์ จิรจริยาเวช ซึ่งเป็นผู้ดูแลตลาดสุขสวัสดิ์พยานโจทก์ร่วมว่า จำเลยได้โต้แย้งมาก่อนเกิดเหตุนานแล้วว่าแผงของจำเลยตั้งอยู่ในทางสาธารณะ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เสียค่าเช่าที่ตั้งแผงให้แก่ผู้ใด กรณีจึงมีเหตุให้ฟังได้ว่า จำเลยเชื่อว่าแผงของจำเลยตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะ ส่วนมูลเหตุที่จำเลยทำให้พื้นซีเมนต์ซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้เทไว้เสียหาย ได้ความจากคำเบิกความของนายพจน์พยานโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมเทพื้นซีเมนต์ในยามวิกาลเวลา 23 นาฬิกาเศษ เหตุที่ต้องทำในเวลาดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับจำเลยจึงต้องทำในขณะจำเลยไม่อยู่ โจทก์ร่วมยกแผงของจำเลยออก เมื่อเทพื้นแล้วได้ยกแผงขายของของโจทก์ร่วมมาตั้งแทนโดยติดขาแผงไว้กับพื้นซีเมนต์ด้วย ต่อมาจำเลยได้ทุบพื้นซีเมนต์ที่เทใหม่เอาแผงของโจทก์ร่วมที่ตั้งไว้ออกไป แล้วเอาแผงของจำเลยไปตั้งไว้แทน และได้ความจากนายสมชาย ภาลายานนท์ พยานโจทก์ร่วมอีกปากหนึ่งซึ่งเห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยทุบพื้นซีเมนต์ว่า หากจำเลยไม่ทุบพื้นจำเลยก็ไม่สามารถตั้งลังและแผงขายของได้ คำเบิกความของนายพจน์และนายสมชายดังกล่าวสอดคล้องกับคำของจำเลยซึ่งเบิกความว่า เมื่อจำเลยกลับจากซื้อผลไม้มาขาย เห็นแผงจำเลยถูกรื้อมากองข้างถนน มีโต๊ะต่อใหม่ 1 ตัว ขาฝังอยู่ในพื้นซีเมนต์ ทำให้จำเลยตั้งแผงขายผลไม้ไม่ได้ ขณะนั้นปูนยังไม่แห้ง จำเลยจึงงัดไม้แบบออกและงัดขาโต๊ะของโจทก์ร่วมขึ้นจากพื้น เหตุที่ทำเช่นนั้นเพื่อจะวางแผงขายผลไม้เท่านั้น ไม่ได้เจตนาทำให้พื้นเสียหายหรือกลั่นแกล้งโจทก์ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่า ที่จำเลยงัดไม้แบบและขาโต๊ะของโจทก์ร่วมออกทำให้พื้นซีเมนต์บริเวณที่เกิดเหตุเสียหายจำเลยทำไปเพียงเพื่อจะตั้งแผงขายผลไม้ตามที่ขายอยู่เป็นประจำวันด้วยความเชื่อโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิที่จะกระทำได้ หาใช่มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของโจทก์ร่วมเสียหายแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
พิพากษายืน

Share