แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้รายที่4ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมายถึงแม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่4ได้รับชำระหนี้ก็ถือได้ว่าเจ้าหนี้รายที่4เป็นเจ้าหนี้ในคดีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา34แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้เจ้าหนี้รายที่4ได้รับชำระหนี้ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา31
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2534ต่อมา วันที่ 15 มกราคม 2536 จำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 ในวันนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกจำเลยคัดค้านการประชุมอ้างเหตุว่าธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว และหนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ซ้ำซ้อนขอให้เลื่อนการประชุมเพื่อรอคำสั่งศาลเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งการประชุมไป ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 8 มีนาคม 2536 ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าว ให้รอการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกไว้จนกว่าที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบกับคำขอรับชำระหนี้ของธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4 และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการขายทอดตลาดต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า การประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 31 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกโดยเร็วที่สุด จำเลยไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการประชุมเพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะขอให้เพิกถอนได้ตามมาตรา 36 นอกจากนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้ให้ธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4 ได้รับชำระหนี้จากเงินซึ่งได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอน ให้ยกคำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ไม่เลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกชอบหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า ธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4ยื่นคำขอรับชำระหนี้มีทุนทรัพย์สูงและเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ แต่จำเลยคัดค้านว่าได้รับชำระหนี้ไปแล้ว และเรื่องยังอยู่ในระหว่างไต่สวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้อยู่ว่ามีมูลหนี้เพียง23,000,000 บาท และได้รับชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้นหรือไม่ ซึ่งหากฟังได้ตามข้อคัดค้านเจ้าหนี้รายนี้ย่อมไม่มีสภาพเป็นเจ้าหนี้และไม่มีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ถึงแม้ศาลจะยังไม่ได้มีคำสั่งให้ธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4 ซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาตามกฎหมายได้รับชำระหนี้ ก็ถือได้ว่าธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4เป็นเจ้าหนี้ในคดี ย่อมมีสิทธิเข้าประชุมเจ้าหนี้และออกเสียงลงคะแนนได้ตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ส่วนการที่จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยแค่ไหนเพียงใดนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งต่อไปในสำนวนคำขอรับชำระหนี้การที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้ธนาคารกสิกรไทยเจ้าหนี้รายที่ 4 ได้รับชำระหนี้ ไม่เป็นเหตุที่จะต้องเลื่อนการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แต่อย่างใด คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน