คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5361/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คลองโพธิ์หักใช้เป็นทางไปมาไม่ได้เป็นเวลานานแล้ว จึงมิใช่ทางสาธารณะ ที่ดินของโจทก์อยู่ติดคลองโพธิ์หัก จึงไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 5576 เป็นของบิดา มีบ้านบิดา บ้านโจทก์ที่ 1 และบ้านจำเลยปลูกอยู่ มีทางเดินออกไปสู่ทางสาธารณะตามเส้นสีแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้องทางเดียว ต่อมาบิดายกโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ทั้งสองและจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละ 2 ไร่ 2 งาน 85 ตารางวา จำเลยได้ปิดกั้นทางเดินออกสู่ทางสาธารณะไม่ยอมให้โจทก์และบิดามารดาใช้ทางนั้น ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นทางเดินร่วมกันโดยให้มีความกว้าง 2 วา เมื่อกันเป็นทางเดินแล้วให้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 5576 ออกเป็น 3 ส่วนเนื้อที่ประมาณส่วนละ 2 ไร่ 2 งาน50 ตารางวา โดยให้ทางทิศตะวันออกเป็นของจำเลย ทางทิศเหนือเป็นของโจทก์ที่ 2 ทางทิศใต้เป็นของโจทก์ที่ 1
จำเลยให้การและฟ้องแย้งกับขอแก้ไขฟ้องแย้งว่า เดิมจำเลยซื้อที่ดินจากบิดา 3 ไร่ ราคา 11,400 บาท จำเลยและสามีครอบครองทำกินด้วยความสงบ เปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของ แต่ในปี2510 จำเลยตกลงกับบิดาให้ออกโฉนดที่ดินในนามบิดาไปก่อนจำเลยครอบครองที่ดินเป็นเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา ที่ดินของจำเลยและบิดามีแนวเขตแบ่งการครอบครองกันโดยชัดแจ้งและมีทางติดต่อกับทางสาธารณะอยู่แล้ว ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายคำให้การและฟ้องแย้งบริเวณเครื่องหมายสีแดงเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา เป็นของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ให้โจทก์ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน และแบ่งแยกที่ดินที่เหลือออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กันเพื่อยกให้โจทก์ทั้งสองและจำเลย หากสภาพที่ดินไม่สามารถแบ่งได้ ให้นำที่ดินส่วนที่เหลือออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งปันกัน หากโจทก์ไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอย่างผู้อาศัยไม่ใช่ในฐานะเป็นของตนเอง บิดายกที่ดินให้โจทก์ทั้งสองและจำเลยไม่มีข้อตกลงใด ๆ ทางเดินตามแผนที่สังเขปท้ายคำให้การและฟ้องแย้งไม่สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทางพิพาทภายในเส้นสีส้มทางด้านทิศใต้ของแผนที่เอกสารหมาย จ.ล.1 เป็นทางจำเป็น ให้เป็นทางเดินร่วมกันระหว่างผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5576ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี โดยให้มีความกว้าง 2 วาให้ที่ดินตามรูปเหลี่ยมเส้นสีแดงในแผนที่เอกสารหมาย จ.ล.1เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโฉนดที่ดินเลขที่ 5576 ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรีเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ และให้โจทก์ทั้งสองแบ่งแยกที่ดินในรูปเหลี่ยมสีแดง เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 8ตารางวา ออกจากโฉนดหมายเลข 5576 ให้จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หากโจทก์ทั้งสองไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนเมื่อแบ่งแยกที่ดินแล้ว เหลือที่ดินโฉนดเลขที่ 5576 อยู่จำนวนเท่าใดให้แบ่งแยกออกเป็น 3 ส่วน โดยให้โจทก์ทั้งสองและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ส่วนละเท่า ๆ กัน หากไม่สามารถแบ่งได้ ให้นำที่ดินที่เหลือออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันโจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คลองโพหักใช้เป็นทางไปมาไม่ได้เป็นเวลานานแล้ว คลองโพหักจึงมิใช่ทางสาธารณะ ที่ดินของโจทก์จึงไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะตามแผนที่เอกสารหมาย จ.ล.1 ทางพิพาทในเส้นสีส้มซึ่งผ่านที่ดินของจำเลยเป็นทางออกถึงถนนสาธารณะได้จำเลยและโจทก์ที่ 1 ต้องอาศัยที่ดินของ ว. เป็นทางเดินจึงจะออกถึงถนนสายโพหัก-บ้านหย่อมได้ ทางสีส้มในแผนที่เอกสารหมายจ.ล.1 เป็นทางออกถึงทางสาธารณะที่ทำให้จำเลยเสียหายน้อยที่สุดเหมาะสมที่จะกำหนดให้เป็นทางจำเป็น
พิพากษายืน

Share