แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้เงินกู้ในชั้นพิจารณาก็ปรากฏตามสัญญาจำนองว่าเป็นการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกัน แต่ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์คงปรากฏแต่เพียงว่าขอให้ยึดทรัพย์จำนอง ที่ดินและ “สร้าง” ออกขายทอดตลาดเมื่อทรัพย์จำนองได้แก่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ย่อมยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า หากไม่ชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ โดยไม่ระบุให้ยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดด้วย จึงเป็นกรณีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยเนื่องมาจากการพิมพ์คำขอท้ายฟ้องผิดพลาดและมิได้มีการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าว จึงมีเหตุสมควรที่จะแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1546/2548 หมายเลขแดงที่ 141/2549 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 303,596.58 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 278,974.36 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำพิพากษาที่พิมพ์ตกไปในส่วนที่ให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดว่ารวมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำนองด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุถึงสิ่งปลูกสร้าง คำพิพากษาชอบแล้ว ไม่แก้ไขให้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า มีเหตุที่จะแก้ไขคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการยึดทรัพย์จำนองที่ไม่ระบุให้ยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้และบังคับจำนองโดยคำฟ้องในส่วนของการจำนองเพื่อประกันการกู้ยืมได้บรรยายไว้ว่า เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่จำเลยทั้งสองมีต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินตามโฉนดเลขที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแปลงดังกล่าวที่มีอยู่แล้วในวันทำสัญญาหรือที่จะมีขึ้นต่อไปภายหน้าแก่โจทก์ไว้เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปี โดยมีข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองว่าหากโจทก์บังคับจำนองได้เงินมาไม่พอชำระหนี้ จำเลยยอมรับผิดชำระเงินส่วนที่ขาดจนครบถ้วนและตามหนังสือสัญญาจำนองก็ระบุว่า จำเลยทั้งสองได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างจดทะเบียนจำนองแก่โจทก์ อีกทั้งในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็ได้มีคำขอให้ยึดทรัพย์ที่จำนองตามฟ้องออกขายทอดตลาด โดยในคำขอท้ายฟ้องหลังข้อความ “จังหวัดเพชรบูรณ์” มีคำว่า “สร้าง” ปรากฏอยู่ น่าเชื่อว่าเกิดจากความพลั้งเผลอในการพิมพ์ข้อความว่า “พร้อมสิ่งปลูกสร้าง” ขาดตกผิดพลาดไปบางส่วน จึงเป็นเหตุให้ปรากฏเพียงคำว่า “สร้าง” ในคำขอท้ายฟ้องแทนซึ่งเมื่อทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองนำมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ ได้แก่ โฉนดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน และจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบโดยไม่ระบุให้ยึดสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดด้วยจึงเป็นกรณีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยเนื่องมาจากการพิมพ์คำขอท้ายฟ้องผิดพลาดและมิได้มีการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวจึงมีเหตุสมควรที่จะแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับว่า ให้แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ 1546/2548 หมายเลขแดงที่ 141/2549 ส่วนที่ว่า “หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้” เป็นว่า “หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 67333 ตำบลนาป่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์” นอกจากนี้ให้เป็นไปตามข้อความเดิมค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ