คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) กำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอให้นำเงินมาวางเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องก่อนวันสืบพยาน จึงอยู่ภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้พิจารณาคำร้องจนกระทั่งโจทก์แถลงขอให้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์หลังจากสืบพยานผู้ร้องแล้วจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาใหม่
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์เพราะเหตุที่ผู้ร้องไม่นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบมาตรา 132 (2) โดยเฉพาะ มิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้เสียทีเดียวไม่เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องหรือมีการถอนคำฟ้องตามมาตรา 151 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องมีคำสั่งเรื่องค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้อง กรณีตามมาตรา 288 วรรคสอง (1) จึงเป็นการจำหน่ายคดีตามมาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร มิใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลจึงคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระเงิน 5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และนางสาวแววตาเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่ยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง มิใช่ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และนางสาวแเววตาขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินที่ยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และนางสาวแววตาจริง มิใช่ของผู้ร้อง อีกทั้งที่ดินมีราคาแท้จริงคือ 13,662,000 บาท ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคา มิใช่ 2,616,000 บาท ตามที่ผู้ร้องอ้าง ขอให้ยกคำร้อง กับยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องประวิงคดีและประวิงการบังคับคดีของโจทก์ให้ชักช้าเพราะที่ดินที่นำยึดเป็นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และนางสาวแววตาผู้ร้องอายุยังน้อย ไม่มีรายได้ที่แน่นอนและไม่มีทรัพย์อื่น เป็นที่เชื่อได้ว่าหากผู้ร้องแพ้คดีจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินหรือหาประกัน
ศาลชั้นต้นได้กำหนดราคาที่ดินใหม่เป็นเงิน 4,500,000 บาท และมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินเป็นประกันต่อศาลจำนวน 450,000 บาท โดยกำหนดให้ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมและนำเงินมาวางเป็นประกันภายใน 60 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ครบกำหนดแล้วผู้ร้องแถลงว่าไม่สามารถหาเงินมาวางได้ทัน ขอเลื่อนคดีไปก่อน ศาลชั้นต้นอนุญาต จากนั้นผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นคนยากจน ไม่สามารถหาเงิน 450,000 บาท มาวางศาลได้ ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในเงินจำนวนนี้ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน ครั้นถึงวันนัด ผู้ร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งให้ผู้ร้องนำเงิน 450,000 บาท มาวางเป็นประกันให้ครบถ้วนในนัดหน้า เมื่อถึงวันนัด ผู้ร้องแถลงว่าไม่สามารถหาเงินมาวางเป็นประกันตามคำสั่งได้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องในประการแรกว่า โจทก์ยื่นคำร้องว่าผู้ร้องประวิงการบังคับคดีให้ชักช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) ในกำหนดเวลาตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไม่ว่าในเวลาใด ๆ ก่อนวันกำหนดชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องก่อนวันสืบพยาน จึงอยู่ภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้พิจารณาคำร้องจนกระทั่งโจทก์แถลงขอให้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของโจทก์หลังจากสืบพยานผู้ร้องแล้วจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาใหม่แต่อย่างใด ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ที่ผู้ร้องฎีกาประการต่อมาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องวางเงินประกันถึง 450,000 บาทนั้น สูงเกินไป เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสาม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ สำหรับฎีกาของผู้ร้องประการสุดท้ายว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยมิได้สั่งคืนค่าฤชาธรรมเนียมไม่ชอบ เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์เพราะเหตุที่ผู้ร้องไม่นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบมาตรา 132 (2) โดยเฉพาะ มิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้เสียทีเดียว ไม่เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องหรือมีการถอนคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องมีคำสั่งเรื่องค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้อง กรณีนี้เป็นการจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร มิใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นให้แก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share