แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อ. ลูกจ้างจำเลยตำแหน่งสัตวบาล มีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ หลังจากเลิกงาน อ. ได้ขอยืมรถยนต์จากผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารข้างนอกฟารม์ของจำเลย จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของ อ. แม้ว่าผู้จัดการของจำเลยจะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้าง เมื่อ อ.ขับรถไปเกิดเหตุชนกันขึ้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฟูโซ่คันหมายเลขทะเบียน 70-0017 ระนอง ไว้ในประเภทรับผิดชดใช้ค่าเสียหายโดยสิ้นเชิง จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-4731 ราชบุรี และเป็นนายจ้างผู้ว่าจ้างให้นายอุทัย บางหลวง ขับขี่รถยนต์ดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยขณะเกิดเหตุด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้นทำให้รถยนต์บรรทุกคันหมายเลข 70-0017 ระนอง ได้รับความเสียหาย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวได้จัดการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี โจทก์จ่ายค่าเสียหายดังกล่าวไปแล้วจึงได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ขอคิดค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 93,850 บาท นับแต่วันเกิดเหตุถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย7,038 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน 100,888 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ด ครึ่งต่อปีของต้นเงิน 93,850 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นายอุทัย บางหลวง ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-4731 ราชบุรี ซึ่งเป็นของจำเลยจริง แต่มิได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย และเหตุละเมิดเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 70-0017 ระนอง โดยนายอุทัยมิได้ก่อเหตุละเมิดด้วยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายที่โจทก์ชดใช้ไปไม่เกิน 30,000 บาท และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่เกิดเหตุละเมิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายอุทัย บางหลวง สมัครเข้ามาเป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2524 ในตำแหน่งสัตวบาล แผนกสุกรขุนมีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ทำงานระหว่างเวลา 8 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกาไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ให้จำเลย วันเกิดเหตุเวลา 19 นาฬิกา นายอุทัยกับนายจันทร์ได้มาขอยืมรถยนต์คันเกิดเหตุจากนายสรรชัย ผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารที่สี่แยกปากท่อ ซึ่งอยู่ห่างจากฟาร์มของจำเลยประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของนายอุทัย หาได้ขับรถไปเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยไม่ แม้ว่านายสรรชัย จะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ตามก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลย ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน.