คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีโดยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาว่าจะนำโทษของจำเลยในคดีนี้นับต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นได้หรือไม่นั้นไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์ฎีกาจึงฎีกาได้ การที่จำเลยเคยถูกศาลคดีเด็กและเยาวชนมีคำสั่งให้ฝึกอบรมอยู่ณสถานพินิจและคุ้มครองเด็กนั้นการฝึกอบรมดังกล่าวเป็นวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนหาใช่เป็นการลงโทษไม่แม้จำเลยจะมาทำผิดในคดีใหม่อีกก็ไม่อาจนับโทษต่อจากการฝึกอบรมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานมีและใช้ลูกระเบิด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 55, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83 จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนมาตรา 78 จำคุก 1 ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80จำคุก 5 ปี รวม 2 กระทงจำคุก 6 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดดทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ริบของกลางและให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 54/2526 ของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพิลง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 9จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 จำคุก 6 เดือน คำให้การ คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 3 เดือน ยำคำขอนับโทษต่อ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ได้นำสืบแล้วหรือไม่ว่าวัตถุระเบิดแบบเอ็ม 26 เป็นวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ประการหนึ่งและอีกประการหนึ่งโจทก์จะขอนับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากการฝึกอบรมของจำเลยตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 54/2526 ของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาได้หรือไม่ สำหรับปัญหาข้อแรกโจทก์อ้างในฟ้องฎีกาว่า โจทก์ได้นำสืบร้อยตำรวจเอกนิคมพนักงานสอบสวนเบิกความว่า ได้ส่งไปตรวจพิสูจน์แล้วผลปรากฏว่าเป็นลูกระเบิดเอ็ม 26 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ตามปัญหาดังกล่าว พอแปลคำฟ้องฎีกาของโจทก์ดังกล่าวได้ว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อนี้ของโจทก์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าเป็นวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้นเป็นการวินิจฉัยคดี โดยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวนจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนปัญหาที่ว่าจะนำโทษในคดีนี้ของจำเลยนับต่อจากโทษในคดีอื่นของจำเลยได้หรือไม่ ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องนี้ ซึ่งจะได้วินิจฉัยต่อไปตามลำดับ สำหรับในปัญหาข้อแรก ที่โจทก์อ้างคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกนิคม พนักงานสอบสวนพยานโจทก์นั้น ศาลฎีกาได้ตรวจคำเบิกความของพยานดังกล่าวแล้ว พยานคงเบิกความในข้อนี้เพียงว่า ลูกละเบิดได้มีการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าเป็นแบบเอ็ม 26 ซึ่งมีน้ำหนักเกือบครึ่งกิโลกรัมปาได้ไกลประมาณ 50 เมตร โดยพยานปากนี้มิได้เบิกความยืนยันแต่อย่างใดว่าลูกระเบิดชนิดนี้นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ศาลอุทธรณ์จึงหาวินิจฉัยคดีข้อนี้ฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวนแต่อย่างใดไม่ และที่อ้างว่าจำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าไม่ใช่เป็นวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ก็ปรากฏว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบได้ให้ความตามฟ้องฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนปัญหาที่ว่าจะนับโทษจำเลยในคดนี้ต่อจากการฝึกอบรมของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 54/2526ของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา ได้หรือไม่นั้นเห็นว่าการฝึกอบรมของจำเลยดังกล่าวเป็นวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายมุ่งประสงค์จะฝึกอบรมเด็กและเยาวชนผู้กระทำผิดในเรื่องวิชาชีพและจริยาศึกษาตลอดเวลาที่ได้รับการฝึกอบรม หาใช่เป็นการลงโทษไม่ จึงไม่อาจนับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากการฝึกอบรมของจำเลยในคดีดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน”.

Share