คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของมี สิทธิครอบครอง ที่ดินมือเปล่า จำเลยที่1 บุกรุกและนำที่ดินด้านทิศเหนือให้จำเลยที่2เช่าปลูกอ้อยจำเลยที่1ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่1มิใช่ของโจทก์จำเลยที่1ครอบครองที่พิพาทมานาน8ปีแล้วหากจะฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์คดีก็ขาดอายุความเพราะจำเลยที่1เข้าทำประโยชน์มาก่อนฟ้องเกินกว่า1ปีดังนี้เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยหรือของโจทก์และขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ในประเด็นดังกล่าวจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน มือเปล่าเนื้อที่ 53 ไร่ เศษ จำเลย ที่ 1 บุกรุก เข้า ไป ไถ ใน ที่ดิน โจทก์ทาง ด้าน ทิศเหนือ เนื้อที่ ประมาณ 4 ไร่ แล้ว ปลูก มัน สำปะหลังต่อมา จำเลย ที่ 1 นำ ที่ดิน โจทก์ ทาง ด้าน ทิศเหนือ เนื้อที่ 31 ไร่ เศษไป ให้ จำเลย ที่ 2 เช่า ปลูก อ้อย การกระทำ ของ จำเลย ทั้ง สอง เป็น การ ละเมิดต่อ โจทก์ ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร รื้อถอน สิ่งปลูกสร้างออกจาก ที่ดิน โจทก์ ห้าม มิให้ จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร เข้า เกี่ยวข้องกับ ให้ ใช้ ค่าเสียหาย
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า ที่ดิน ตาม ฟ้อง เป็น ของ จำเลย ที่ 1กับพวก เมื่อ เดือน ตุลาคม 2529 จำเลย ที่ 1 เข้า ไป ไถ ใน ที่ดิน ตาม ฟ้องเนื้อที่ 31 ไร่ เศษ เพื่อ ปลูก มัน สำปะหลัง หาก จะ ฟัง ว่า เป็น ที่ดินของ โจทก์ คดี ย่อม ขาดอายุความ ฟ้องร้อง เพราะ จำเลย ที่ 1 เข้า ทำประโยชน์ มา ก่อน ฟ้อง เกินกว่า 1 ปี ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สอง รื้อถอน สิ่งปลูกสร้างออกจาก ที่พิพาท กับ ให้ ใช้ ค่าเสียหาย
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ที่ ได้ นั่งพิจารณา คดี ในศาลชั้นต้น รับรอง ว่า มีเหตุอันสมควร ที่ จะ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ได้
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า โจทก์ ฟ้อง อ้างว่า โจทก์ เป็น เจ้าของมีสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน เนื้อที่ 53 ไร่ เศษ ซึ่ง เป็น ที่ดิน มือเปล่าจำเลย ที่ 1 บุกรุก ที่ดิน โจทก์ และ นำ ที่ดิน โจทก์ ดังกล่าว ทางด้าน ทิศเหนือ เนื้อที่ 31 ไร่ เศษ ให้ จำเลย ที่ 2 เช่า ปลูก อ้อยจำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า ที่พิพาท เป็น ของ จำเลย ที่ 1 ไม่ใช่ ของ โจทก์จำเลย ที่ 1 ครอบครอง ที่พิพาท มา นาน 8 ปี แล้ว หาก จะ ฟังได้ ว่าที่พิพาท เป็น ที่ดิน ของ โจทก์ คดี ย่อม ขาดอายุความ ฟ้องร้อง เพราะจำเลย ที่ 1 เข้า ทำประโยชน์ มา ก่อน ฟ้อง เกินกว่า 1 ปี ตาม คำให้การของ จำเลย ที่ 1 ดังกล่าว เป็น คำให้การ ที่ ไม่ ชัดแจ้ง ว่า ที่พิพาทเป็น ของ จำเลย หรือ ของ โจทก์ และ ขัดแย้ง กันเอง ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จึง ไม่มีประเด็น ข้อพิพาท ว่า โจทก์ ฟ้องคดี เพื่อ เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ภายในกำหนด เวลา 1 ปี นับแต่ เวลา ถูก แย่ง การ ครอบครอง หรือไม่ ที่ ศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ประเด็น ดังกล่าว จึง เป็น การ ไม่ชอบ ถือว่าเป็น ข้อ ที่ มิได้ ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้ว ใน ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ต้องห้าม มิให้ ฎีกา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน

Share