คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5053/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลย เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการขายทอดตลาดใหม่ อ้างว่าคำสั่งให้ขายทรัพย์สินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างพิจารณาของศาลจำเลยนำ ป. ผู้ซื้อรายใหม่มาแถลงว่าจะขอสู้ราคาสูงกว่าที่ขายทอดตลาดได้ เพื่อเป็นประกันว่าจะเข้าสู้ราคา ป. จะจัดหาธนาคารมาค้ำประกัน ต่อมา ป.ไม่สามารถจัดหาธนาคารมาค้ำประกันได้ ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จึงไม่มีการขายทอดตลาดใหม่ ป. ไม่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและไม่ใช่เป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ป.จึงไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้ ป. มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของ ป

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจาก เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ปรากฏว่าบริษัทบัวทองพลาซ่า จำกัด เป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์สินดังกล่าวได้ในราคา ๑๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำร้องว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้ขายทรัพย์สินดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือยกเลิกการขายทอดตลาด และดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งที่อนุมัติให้ขายชอบและเหมาะสมแก่สภาพของทรัพย์สินแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยได้นำนายประสารผู้ซื้อรายใหม่มาศาลแถลงว่าจะสู้ราคาที่ดินพิพาทในราคาไม่ต่ำกว่า๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท หากมีการประมูลขายทอดตลาดใหม่ เมื่อวันที่๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๐ คู่ความทุกฝ่ายตลอดจนผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดนายประสารซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหม่ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มาศาลและตกลงกันว่า ผู้ซื้อรายใหม่ยอมวางเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และยินยอมให้เงินดังกล่าวแก่ผู้ซื้อรับไปเป็นค่าเสียหายโดยเด็ดขาดนับแต่วันนั้น และผู้ซื้อรายใหม่จะเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดครั้งใหม่ในราคาไม่ต่ำกว่า ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจะจัดหาธนาคารมาค้ำประกันเป็นจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าเสียหายแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้หากไม่เข้าสู้ราคาดังกล่าวข้างต้นโดยจะทำสัญญาภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๑ มิฉะนั้นถือว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และจำเลยไม่ติดใจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดรายนี้ตลอดจนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่ให้ผู้ซื้อไป ผู้ซื้อพอใจ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตกลงว่า หากผู้ซื้อรายใหม่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลง ก็ไม่ติดใจคัดค้านการขายทอดตลาดรายนี้ ให้ศาลจำหน่ายคำร้องเสีย โดยถือว่าไม่ติดใจและขอถอนคำร้องผู้ซื้อรายใหม่ได้วางเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว ครั้นถึงวันที่ ๑มีนาคม ๒๕๓๑ ผู้ซื้อรายใหม่ยื่นคำร้องอ้างว่าไม่สามารถจัดหาธนาคารมาค้ำประกันได้ ขอนำบุคคลและทรัพย์สินมาค้ำประกันแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องเท่ากับผู้ซื้อรายใหม่ไม่อาจปฏิบัติตามข้อตกลงในศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๐ ถือได้ว่าผู้ซื้อรายใหม่ผิดข้อตกลง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์
ผู้ซื้อรายใหม่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ซื้อรายใหม่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ซื้อรายใหม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฉบับลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๐ เพราะผู้ซื้อรายใหม่ไม่จัดหาธนาคารมาค้ำประกันการขายทอดตลาดใหม่ตามที่ตกลงกันในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๐ บุคคลที่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ในกรณีนี้ได้แก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้อง ผู้ซื้อรายใหม่เป็นเพียงบุคคลภายนอกที่ได้เสนอตัวเข้ามาว่าจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินถ้ามีการขายทอดตลาดใหม่ในราคาไม่ต่ำกว่า ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ที่ขอให้ขายทอดตลาดใหม่จนไม่มีการขายทอดตลาดใหม่ ผู้ซื้อรายใหม่จึงไม่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและไม่ใช่เป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้อง ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เพื่อให้มีการขายทอดตลาดใหม่ หากผู้ซื้อรายใหม่ถูกโต้แย้งเกี่ยวกับเงินจำนวน๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่นำมาวางศาลก็จะต้องว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก การที่ผู้ซื้อรายใหม่อุทธรณ์ขอให้นำหลักประกันมาวางศาลตามคำร้องลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๑ เท่ากับเป็นการอุทธรณ์ ขอให้มีการขายทอดตลาดใหม่นั้นเอง ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ซื้อรายใหม่ดังกล่าวเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้ผู้ซื้อรายใหม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของผู้ซื้อรายใหม่

Share