คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอเลื่อนการพิจารณาอาจทำด้วยวาจาต่อหน้าศาลก็ได้มาตรา 40 ให้อำนาจศาลอย่างกว้างขวางถ้าเห็นสมควรก็ให้เลื่อนการพิจารณาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2494 จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ไป 5,600 บาท สัญญาจะใช้คืนในวันที่ 1 สิงหาคม ปีเดียวกัน ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน 2494 จำเลยใช้เงินให้ 2,000 บาท ยังค้างอีก 3,600 บาทจำเลยไม่ใช้ให้ ดอกเบี้ยค้างอยู่ 2 ปี 6 เดือนคิดดอกร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี เป็นเงิน 675 บาท จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินรายนี้

จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยยืมเงินตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องโจทก์ สัญญากู้ยืมท้ายฟ้องโจทก์ทำขึ้นเอง โดยจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อให้ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 23 ธันวาคม 2496 เวลา 9 น.ถึงวันนัด ทนายโจทก์จำเลยและจำเลยมา แต่ไม่มีพยานโจทก์มาทนายโจทก์แถลงว่า ที่ตัวโจทก์และพยานไม่มาวันนี้เป็นเพราะโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันว่าจะยอมความกัน โจทก์จึงมิได้เตรียมพยานมา เมื่อจำเลยไม่ยอมความในวันนี้ก็ต้องขอเลื่อนคดีไป ขอให้นัดสืบใหม่ จำเลยแถลงว่า จำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ว่าจำเลยจะยอมความกับโจทก์เลยทนายโจทก์กับทนายจำเลยเคยมีการเจรจากันบ้างก็ด้วยคดีอื่น มิใช่คดีนี้จำเลยจึงขอยืนยันให้มีการสืบพยานจำเลยไม่ยอมให้โจทก์ขอเลื่อนเพราะโจทก์ไม่มีเหตุผลอันสมควร ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปเสียทีเดียว เพราะโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อไม่สืบวันนี้ก็แสดงว่าโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์คดีของตนได้ ควรพิพากษายกฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันนั้น แล้วพิพากษายกฟ้องอ้างเหตุว่าโจทก์และพยานไม่มาศาล ทั้งมิได้ขอหมายเรียกพยานมาศาลตามบัญชีระบุพยานของตน ต้องถือว่าโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์คดีของตนได้

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นมิได้พิจารณาคำขอเลื่อนคดีของโจทก์ว่าควรรับฟังหรือไม่ และจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ ก็ไม่สั่งประการใด ก็ด่วนพิพากษายกฟ้องเสียทีเดียวนั้น หาชอบด้วยการพิจารณาคดีไม่ เพราะถ้าคำขอของโจทก์มีเหตุอันจำเป็นจริง ควรอนุญาตให้เลื่อน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เหตุที่โจทก์ขอเลื่อนมีมูล เพราะจำเลยรับว่า เคยมีการเจรจากัน หากเบี่ยงบ่ายว่าเป็นคดีอื่น อุทธรณ์โจทก์ยืนยันว่า โจทก์เป็นความกับจำเลยคดีนี้เท่านั้น จำเลยแก้อุทธรณ์ก็มิได้ว่าเป็นความกับโจทก์ในคดีอื่นใดอีก ข้ออ้างของโจทก์รับฟังได้อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ ค่าธรรมเนียมและค่าทนาย 50 บาทในชั้นอุทธรณ์ ให้ผู้แพ้คดีในชั้นที่สุดเป็นผู้ใช้แทน

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การที่คู่ความขอเลื่อนการพิจารณาในวันนัดพิจารณานั้น มีบัญญัติไว้ในมาตรา 40 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว โดยให้อำนาจศาลไว้อย่างกว้างขวาง กล่าวคือถ้าศาลเห็นว่าไม่มีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาคดีนั้นได้หรือโดยเหตุผลอื่นใดอันจำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณาต่อไปศาลก็มีอำนาจสั่งให้เลื่อนการพิจารณาไปได้ และเมื่อคู่ความอยู่ต่อหน้าศาลแล้ว ก็ขอเสนอด้วยวาจาได้ หาจำเป็นต้องทำเป็นคำร้องขอดังข้อฎีกาของจำเลยที่โต้เถียงมาไม่ ว่าถึงเหตุผลแห่งการขอเลื่อนการพิจารณาไปตามที่โจทก์แถลงและร้องขอต่อศาล ซึ่งฝ่ายจำเลยฎีกาขึ้นมาก็เป็นทำนองรับโดยปริยายว่า ได้มีการเจรจาเรื่องประนีประนอมยอมความกับโจทก์มาก่อนจริง แต่หากเถียงว่าเป็นการกระทำนอกศาลนอกกระบวนพิจารณาของศาล ไม่ผูกมัดจำเลยต่างหากแม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้กล่าวโต้เถียงอุทธรณ์ของโจทก์ว่าจำเลยได้เป็นความกับโจทก์ในคดีเรื่องอื่นใดอีก ข้อตกลงของจำเลยตามรายงานพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงส่อแสดงให้เห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าได้เจรจาจะยอมความกันในคดีอื่น เพราะถ้าจำเลยกับโจทก์เป็นความกันเรื่องอื่นอีกจริงก็อาจแถลงอ้างอิงเลขคดีหรือชื่อโจทก์จำเลย และเป็นความกันด้วยเรื่องอะไร มาเป็นหลักฐานที่จะค้นหาความจริงได้อย่างง่ายดาย ศาลนี้คงเห็นพ้องด้วยข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับไป

Share