คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5310/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านรับประกันภัยรถยนต์โดยสารประจำทางซึ่งเป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน เมื่อ ว. ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารประจำทางที่เอาประกันภัยไว้กับผู้คัดค้านต้องรับผิดฐานละเมิดต่อผู้ร้องทั้งสามเพราะขับรถยนต์โดยสารประจำทางโดยประมาทไปทับ จ. ถึงแก่ความตายตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญา แม้ในคดีอาญาผู้คัดค้านจะไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยจึงไม่ถูกผูกพันในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ก็ตาม แต่ผู้คัดค้านเป็นผู้รับประกันภัย ตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่งและซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 วรรคหนึ่ง ซึ่งผู้คัดค้านก็ไม่ได้โต้แย้งว่าผู้เอาประกันภัยไม่ต้องร่วมรับผิดกับ ว. ผู้คัดค้านไม่อาจนำสืบเปลี่ยนแปลงให้ผิดไปจากความรับผิดของ ว. ได้ ผู้คัดค้านจึงต้องรับผิดต่อผู้ร้องทั้งสามตามสัญญาประกันภัย ที่อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลอาญาที่วินิจฉัยว่า ว. กระทำโดยประมาทไม่ผูกพันผู้คัดค้านเพราะผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดี แล้ววินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า ว. มิได้เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท เป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยอมรับหรือบังคับตามคำชี้ขาดจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำชี้ขาดได้ ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและมีคำสั่งกลับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการของผู้ร้องทั้งสาม ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยแก่ผู้ร้องทั้งสามเป็นเงิน 740,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 28/2552 เป็นดอกเบี้ย 55,950 บาท รวมเป็นเงิน 801,950 บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำเสนอข้อพิพาทในชั้นอนุญาโตตุลาการ และนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่ผู้ร้องทั้งสาม
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายวันชัย จำเลยที่ 1 นายนาน จำเลยที่ 2 ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้นางสาวเจนจิรา ซึ่งเป็นบุตรของผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 และเป็นมารดาของผู้ร้องที่ 3 ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางสาย 50 หมายเลขทะเบียน 12 – 5576 กรุงเทพมหานคร คันเกิดเหตุซึ่งเอาประกันภัยไว้กับผู้คัดค้าน เมื่อคดีเข้าสู่การวินิจฉัยด้วยวิธีการอนุญาโตตุลาการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยคดีว่า คำพิพากษาของศาลอาญาคดีหมายเลขแดงที่ อ.2486/2559 ที่วินิจฉัยว่านายวันชัยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นางสาวเจนจิราถึงแก่ความตายนั้นไม่ผูกพันผู้คัดค้าน เพราะผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดี แล้ววินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่านายวันชัยมิได้เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท ให้ยกคำเสนอข้อพิพาทของผู้เสนอข้อพิพาท
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งสามเพียงประเด็นเดียวว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นเหตุให้ศาลต้องเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าวหรือไม่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติว่า “ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา” แต่ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว คำพิพากษาคดีส่วนอาญาจึงไม่ผูกพันผู้คัดค้าน และมาตรา 46 นี้เป็นบทบังคับที่ใช้แก่ศาลในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งเท่านั้น อนุญาโตตุลาการซึ่งมิใช่ศาลจึงต้องใช้พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 25 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีที่คู่พิพาทมิได้ตกลงกันหรือกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นให้คณะอนุญาโตตุลาการมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ได้ตามที่เห็นสมควรอำนาจของคณะอนุญาโตตุลาการนี้ให้รวมถึงอำนาจวินิจฉัยในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐานและการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงด้วย” คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เห็นว่า เมื่อผู้คัดค้านรับประกันภัยรถยนต์โดยสารประจำทางสาย 50 หมายเลขทะเบียน 12 – 5576 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ” เมื่อนายวันชัยผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารประจำทางที่เอาประกันภัยไว้กับผู้คัดค้านต้องรับผิดฐานละเมิดต่อผู้ร้องทั้งสามเพราะขับรถยนต์โดยสารประจำทางดังกล่าวโดยประมาทไปทับนางสาวเจนจิราถึงแก่ความตายตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญา แม้ในคดีอาญาผู้คัดค้านจะไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยจึงไม่ถูกผูกพันในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ก็ตาม แต่ผู้คัดค้านเป็นผู้รับประกันภัย ตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคหนึ่ง ซึ่งผู้คัดค้านก็ไม่ได้โต้แย้งว่าผู้เอาประกันภัยไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายวันชัย ผู้คัดค้านไม่อาจนำสืบเปลี่ยนแปลงให้ผิดไปจากความรับผิดของนายวันชัยได้ ผู้คัดค้านจึงต้องรับผิดต่อผู้ร้องทั้งสามตามสัญญาประกันภัยตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9209/2558 ประเด็นที่ว่าคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่ผูกพันผู้คัดค้านในคดีแพ่งหรือไม่นั้น จึงไม่ใช่ข้อที่ต้องวินิจฉัย หากการรับสารภาพของนายวันชัยทำให้ผู้คัดค้านเสียโอกาสในการต่อสู้คดีก็เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องทำข้อตกลงเป็นเงื่อนไขยกเว้นความรับผิดไว้กับผู้เอาประกันภัยมาแต่แรกในชั้นทำสัญญาและไปว่ากล่าวเอากับผู้เอาประกันภัยหรือนายวันชัยเอง ไม่ควรมีผลต่อความรับผิดต่อผู้ร้องทั้งสามตามสัญญาประกันภัยซึ่งกฎหมายมีเจตนารมณ์คุ้มครองผู้ที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางสาวเจนจิราผู้ตายเป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุมิได้มีส่วนประมาทเลินเล่อกับเหตุที่เกิดครั้งนี้แต่อย่างใด ดังนั้นที่อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลอาญาคดีหมายเลขแดงที่ อ.2486/2559 ที่วินิจฉัยว่านายวันชัยกระทำโดยประมาทไม่ผูกพันผู้คัดค้านเพราะผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดี แล้ววินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่านายวันชัยมิได้เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท เป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดนั้นจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข) ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 165/2559 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 459/2560 ให้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์เป็นพับ

Share