แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาปราณีประนอมซึ่งไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ห้ามมิให้ฟ้องร้องบังคับคดีเท่านั้น มิได้ห้ามยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กัน หญิงมิได้ยืนยอมด้วยในการที่บิดามารดารับหมั้น เมือหญิงตามชายอื่นไป หญิงและชายนั้นไม่ต้องรับผิดอย่างใดต่อชายผู้หมั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สู่ขอจำเลยที่ ๓ ต่อจำเลยที่ ๑ – ๒ ซึ่งเป็นบิดามารดา ได้ตกลงหมั้นและนัดวันทำการสมรสกันแล้ว จำเลยที่ ๔ ได้พาจำเลยที่ ๓ ไปล่วงเกินทางประเวณีโดยความยินยอมของจำเลยที่ ๑ – ๒ จึงขอให้คืนทองหมั้นและเรียกค่าสินไหมในการเตรียมการสมรสและค่าละเมิดจากจำเลยทั้ง ๔
จำเลยที่ ๑ – ๒ ให้การว่าโจทก์ได้ตกลงปราณีประนอมยอมรับของหมั้นแลเรียกค่าเสียหายไปจากจำเลยแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อที่โจทก์ยอมรับของหมั้นคืนและค่าเสียหายคืนไปแล้วในางปราณีประนอมนั้น เป็นเรื่องระงับข้อพิพาท ต้องทำเป็นหนังสือตาม ม. ๘๕๑ คดีนี้ไม่ปรากฏว่าได้ทำเป็นหนังสือ จึงรับฟังว่าได้ปราณีประนอมกันแล้วไม่ได้ จึงพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๔ คืนทองหมั้นแลใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของ จำเลยว่าโจทก์ได้ยอมรับของหมั้นคืนแลเรียกค่าเสียหายไปจากจำเลย จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้จำเลยต่อสู้ว่าได้ปฏิบัติไปตามข้อตกลงนั้นแล้ว จำเลยหาได้ฟ้องให้ศาลบังคับตามข้อตกลงนั้นไม่ จึงไม่เข้าบังคับแห่ง ม. ๘๕๑ ทั้งตาม ม.๘๕๑ ข้อตกลงที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ก็มิได้เป็นโมฆะ แลมิได้มีกฎหมายห้ามจำเลยมีสิทธิที่ยกขึ้นต่อสู้ แลนำพะยานมาใบได้ตามกระบวนความ ศาลอุทธรณ์รับฟังตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ ๓ นั้นไม่ได้ยินยอมด้วยในการที่บิดารับหมั้นฉะนั้นจำเลยที่ ๓ – ๔ จึงไม่ต้องรับผิดอย่างใดต่อโจทก์ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์