แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีขายฝากที่นาสินสมรสไว้หลังได้ละทิ้งภรรยา ๆ ไม่มีเงิน จึงต้องขายนานี้ขาดแก่ผู้รับ เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงบุตร+สัญญานี้จึงผูกพันธ์สินบริคนห์ตาม ป.พ.พ.ม.1480 – 1482 สามีจะบอกล้างมิได้
ย่อยาว
โจทก์ขายฝากที่นาสินสมรส ๑ แปลง ให้แก่จำเลยเป็นเงิน ๕๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ได้ละทิ้งนางหวองภรรยา ๆ จึงได้ขายที่พิพาทนี้แก่จำเลยโดยเพิ่มเงินอีก ๒๘๐ บาท โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลทำลายสัญญาซื้อขาย และให้จำเลยรับไถ่นารายนี้
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ละทิ้งนางหวอง ๆ จึงได้ขายที่พิพาทให้แก่จำเลย ป.พ.พ.มาตรา ๓๙(๒) อนุญาตให้หญิงมีสามีทำการผูกพันธ์สินบริคนห์ได้โดยมิต้องได้รับอนุญาตจากสามี เมื่อสามีละทิ้งตน นิติกรรมการซื้อขายระหว่างนางหวอง กับจำเลยจึงสมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้ละทิ้งนางหว่อง จึงมีอำนาจบอกล้างสัญญาซื้อขายได้ พิพากษากลับว่า สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ให้จำเลยรับไถ่นา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา เชื่อว่าโจทก์ละทิ้งนางหวองจริงตามข้อวินิจฉัยชี้ขาดของศาลชั้นต้น
นารายนี้ แม้จะฟังว่าเป็นสินสมรส แต่ก็ปรากฏว่านางหวองไม่มีเงิน จึงต้องขายนารายนี้เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงบุตร และโจทก์ก็ได้อาศัยกินอยู่ด้วย สัญญาขายนี้จึงถูกพันธ์สินบริคนห์ตาม ป.พ.พ.ม. ๑๔๘๐ – ๑๔๘๒ โจทก์จะบอกล้างมิได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์