คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5307/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง และขอให้บวกโทษจำคุกที่เปลี่ยนเป็นคุมความประพฤติของจำเลยไว้ในคดีของศาลเยาวชนและครอบครัวคดีก่อน เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนคดีนี้จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 14 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ หากแต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในศูนย์ฝึกอบรมตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) ซึ่งเป็นวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน มีกำหนด 5 ปี หลังจากนั้นภายในกำหนดเวลาที่ถูกคุมความประพฤติซึ่งเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวจำเลยในคดีก่อน จำเลยกลับมากระทำผิดในคดีนี้อีกหลังมีอายุพ้นเกณฑ์การเป็นเยาวชน ซึ่งชอบที่จะว่ากล่าวไปตามวิธีการที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะใน พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ไม่อาจนำมาเทียบเคียงว่ากรณีเช่นนี้ของจำเลยเป็นการกลับมากระทำความผิดภายในกำหนดเวลาที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 58 ฉะนั้น แม้คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้ลงโทษจำคุกก็ไม่อาจนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 58 บวกโทษจำคุกของจำเลยที่เปลี่ยนเป็นคุมประพฤติของจำเลยไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 208/2555 ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุก 6 ปี และปรับ 400,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปีและปรับ 200,000 บาท บวกโทษจำคุก 14 ปี 6 เดือน ที่ศาลเปลี่ยนเป็นคุมความประพฤติจำเลยไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 208/2555 ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 17 ปี 6 เดือน และปรับ 200,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกินหนึ่งปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 4 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 4 ครั้ง ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดกับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ยกคำขอให้บวกโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที่มีกำหนด 14 ปี 6 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 208/2555 ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ดังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า ในคดีก่อนศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชรกำหนดโทษจำคุกจำเลยไว้โดยไม่ได้รอการลงโทษ หากแต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในสถานพินิจ ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) กรณีจึงมิใช่จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้ภายในกำหนดเวลาที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ดังที่โจทก์กล่าวและมีคำขอมาในฟ้อง ส่วนที่จำเลยกระทำความผิดคดีนี้ภายในกำหนดเวลาที่ถูกคุมความประพฤติซึ่งเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวในคดีก่อนนั้นก็ชอบที่จะว่ากล่าวตามวิธีการที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ไม่อาจนำมาเทียบเคียงว่ากรณีเช่นนี้ของจำเลยเป็นการกลับมากระทำความผิดภายในกำหนดเวลาที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ฉะนั้น แม้คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้ลงโทษจำคุกก็ไม่อาจนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติจำเลยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share