แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า มีอัตราค่าเช่าเดือนละ 60 บาทจำเลยให้การและแถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเช่ากัน 60 บาทจริง แต่โจทก์เพิ่งมาขึ้นค่าเช่า เดิมเสียค่าเช่าเดือนละ 30 บาท ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้ได้ความว่าโจทก์ขึ้นค่าเช่าเมื่อใดแล้ว ก็ต้องฟังว่าคิดค่าเช่ากันเดือนละ 60 บาท มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 ธันวาคม 2484 แล้ว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486
บอกเลิกการเช่าเคหะก่อนใช้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัตินั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้ให้จำเลยเช่าห้องแถวรวม 3 คูหา แต่เปิดโล่งตลอดเป็นคูหาเดียว ค่าเช่าเดือนละ 60 บาท โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า เช่าอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ค่าเช่าอัตราห้องละ 10 บาท โจทก์เพิ่งขึ้นค่าเช่าเป็นห้องละ 20 บาท จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคำให้การจำเลยและในรายงานที่จำเลยรับต่อศาล กล่าวเพียงว่า โจทก์เพิ่งขึ้นค่าเช่า ไม่แน่ชัดว่าขึ้นค่าเช่าเมื่อใด ก่อนหรือหลังวันที่ 8 ธันวาคม 2484 พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ เป็นกฎหมายพิเศษที่ตัดสิทธิตามธรรมดาของเจ้าของที่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัตินี้ จำเลยก็ต้องนำสืบให้ได้ความชัดกระจ่างแต่จำเลยไม่สืบในข้อนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าการเช่ารายนี้อยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486 และ 2488 จึงพิพากษากลับให้ขับไล่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าเคหะที่จำเลยเช่ามีค่าเช่าเดือนละ 60 บาท เป็นการชอบแล้ว จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486 ส่วนพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489 ก็ไม่คุ้มครองจำเลย เพราะโจทก์บอกเลิกการเช่าก่อนแล้ว จึงพิพากษายืน