แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำผิดฐานเล่นการพนันซ้ำอีกในระหว่างเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ในคดีก่อนนั้น จะวางโทษทวีคูณหรือทั้งจำทั้งปรับแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติการพนันไม่ได้ เพราะจำเลยยังไม่พ้นโทษคดีก่อน
คดีที่ศาลพิพากษาปรับจำเลยนั้น จำเอาโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกด้วยหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยรับสารภาพ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันเล่นพนันสลากกินรวม โดยจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ามือ จำเลยที่ ๔ ต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว ศาลรอการลงโทษไว้ พ้นกำหนดไม่ครบ ๓ ปี มากระทำผิดคดีนี้อีก ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาจำคุกจำเลยที่ ๑ กำหนด ๒ เดือน ปรับ ๑,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอ ๓ ปี จำเลยที่ ๒, ๓ ปรับคนละ ๕๐๐ บาท ส่วนจำเลยที่ ๔ เพิ่มและลดโทษแล้วจำคุก ๑๐ วัน ปรับ ๖๐๐ บาท กับให้เอาโทษจำคุก ๒ เดือนที่รอไว้มาบวกกับคดีนี้ด้วยตามมาตรา ๕๘
จำเลยที่ ๔ อุทธรณ์ขอให้รอการลงอาญา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกระทำผิดระหว่างเวลาที่ศาลรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ มีกำหนด ๓ ปี ยังหาได้พ้นโทษไปแล้วไม่ จะใช้พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๑๔ ทวิ มาลงแก่จำเลยไม่ได้ เหตุนี้ จึงพิพากษาแก้เฉพาะข้อนี้ โดยให้ลงโทษจำเลยเท่ากับจำเลยที่ ๒, ๓ ส่วนที่รอไว้เดิมก็เอามาบอกไม่ได้ เพราะศาลมิได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
ผู้ว่าคดีฎีกาขอให้พิพากษายืนตามศาลแขวงพระนครใต้
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๔ เท่ากับจำเลยที่ ๒, ๓ นั้นชอบแล้ว เพราะจำเลยที่ ๔ เคยถูกศาลพิพากษาคดีก่อนวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๐๓ แล้วมากระทำผิดคดีนี้อีกเมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๔ ซึ่งตามพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๕ มาตรา ๓ บัญญัติมาตรา ๑๔ ทวิไว้ว่า “ผู้ใดกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด ๓ ปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก ฯลฯ” จึงจะมีการวางโทษทวีคูณหรือวางโทษทั้งจำทั้งปรับ แต่กรณีนี้ จำเลยที่ ๔ ได้กระทำผิดครั้งก่อนกับครั้งนี้ห่างกันเพียงหนึ่งปีเศษ และได้รับการรอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมีกำหนด ๓ ปีแล้ว มากระทำผิดในคดีนี้อีกโดยยังมิได้ทันครบกำหนดตามที่ศาลรอการลงโทษไว้ จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะปรับโทษจำเลยตามมาตรา ๑๔ ทวิ ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาขอให้เอาโทษเก่ามาบวกด้วยนั้น เมื่อคดีนี้จำเลยไม่ได้ถูกพิพากษาให้จำคุก จึงเอาโทษเก่ามาบวกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘
พิพากษายืน