แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ความผิดฐานข่มขืนชำเราตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 244วรรคต้นมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปีแต่ความผิดฐานพยายามตามมาตรา 244 นั้น อย่างสูงศาลจะพิพากษาโทษได้6 ปี 8 เดือนเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ไม่จำเป็นต้องฟังพยานโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 ก่อน เมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ทีเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุ 6 ขวบ แต่มีเหตุพ้นวิสัยมาขัดขวางเสีย โดยเด็กหญิงดี ร้องไห้และมีคนเห็นจำเลยจึงข่มขืนชำเราไม่สำเร็จ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 244, 60, 245
จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง และจำเลยมีอายุ 16 ปี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยผิด 2 มาตรา คือมาตรา 244, 60 และ 245 สำหรับมาตรา 244 โทษจำคุกถึง 10 ปี โจทก์ไม่สืบพยาน จึงลงโทษไม่ได้ คงให้ลงโทษจำเลยเพียงมาตรา 245 ประกอบด้วยมาตรา 58 จำคุก 2 เดือน ลดตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ให้รอการลงอาญาไว้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ลงโทษจำเลยตามมาตรา 244, 60 ได้พิพากษาแก้ให้วางโทษจำเลยตามมาตรา 244 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 60 จำคุก 2 ปี ลดโทษตามมาตรา 58, 59 คงจำคุก 6 เดือน ให้รอการลงอาญาไว้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่ความผิดฐานข่มขืนชำเราตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 244 วรรคต้น มีอัตราโทษอย่างสูงถึงสิบปี แต่ความผิดฐานพยายามนั้นกฎหมายได้กำหนดให้ลงอาญาได้เพียงสองในสามส่วนของความผิดสำเร็จเท่านั้นจึงเห็นได้ชัดว่า ความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา 244 นั้น เป็นคดีซึ่งจะพิพากษาโทษผู้กระทำผิดถึง 10 ปีไม่ได้ อย่างสูงจะพิพากษาลงโทษได้เพียงสองในสามคือ 6 ปี 8 เดือนเท่านั้น จึงเป็นคดีที่ไม่จำเป็นต้องฟังพยานโจทก์
คงพิพากษายืน