คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมในคดีอื่น ภายหลังพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาในคดีนี้ให้จำเลยทราบ โดยจำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างสอบสวนในคดีอื่นมาโดยตลอด ดังนี้ การคำนวณระยะเวลาในการให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนภายใน 30 วัน มิฉะนั้นต้องขอผัดฟ้องต่อศาลในคดีนี้จึงยังไม่เริ่มต้นนับ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักรถจักรยานยนต์หรือมิฉะนั้นก็รับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของโจรเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ในคดีอื่น ภายหลังแจ้งข้อหาคดีนี้ให้ทราบจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 34/2529 ของศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334, 335, 357พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2525มาตรา 11 ให้นับโทษจำเลยต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 34/2529 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเกิน 30วันนับแต่วันจับกุมโดยมิได้ขอผัดฟ้อง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494 มาตรา 24 ทวิ จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า ‘โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมิได้ถูกจับกุมในคดีนี้ แต่ถูกเจ้าพนักงานจับกุมในคดีอื่น หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวในคดีอื่นตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์การนับระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิแห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494 จึงยังไม่เกิดขึ้น การฟ้องคดีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 ทวิและมาตรา 24 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494 ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ประทับฟ้องโจทก์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา’
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป.

Share