แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคหนึ่งกำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึงแปดวันทั้งไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานโดยแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตากำหนดเวลาดังกล่าวได้ตามวรรคสี่ของมาตราเดียวกันจึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน7,786,905 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินค่าสินค้าจำนวน 162,025 บาท ดอลล่าร์สหรัฐ และของต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 113,937 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเช่าโกดังสินค้านับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปในอัตราวันละ 41 ดอลลาร์สหรัฐจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรับสินค้าคืนไปจากโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติผิดสัญญาขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ฉบับลงวันที่ 27 ตุลาคม 2536 นั้น ชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง กำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันคดีนี้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานวันที่ 19 ตุลาคม 2536 โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานวันที่ 27 ตุลาคม 2536 อันเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึง 8 วัน โจทก์จึงไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันตามที่กำหนดไว้ตามบทกฎหมายดังกล่าว ทั้งในการยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานโดยแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสี่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน