คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม่ของกลางได้ทำตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 17(1) ซึ่งป่าไม้เขตเป็นเจ้าหน้าที่ทำเพื่อประโยชน์ในการบำรุงป่าโดยทำสัญญาให้บริษัทอุดมวนผล จำกัด รับจ้างตัดฟันชักลากออกจากป่าแล้วจะขายไม้ให้บริษัท การทำไม้รายนี้จึงเป็นการทำและชักลากออกจากป่าโดยไม่อยู่ในบังคับของ มาตรา 11 ที่ว่าต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรา 38 ไม่ใช่บทบังคับเรื่องชักลากไม้ออกจากป่า แต่เป็นบทบัญญัติเรื่องการนำไม้เคลื่อนที่หลังจากนำไม้ที่ทำออกตามใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต กับหลังจากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ไม่ใช่บทบัญญัติเพียงแต่นำไม้เคลื่อนที่โดยไม่มีใบอนุญาตเท่านั้นเมื่อไม้รายนี้ไม่ใช่ไม้ที่ทำโดยมีใบอนุญาต จึงไม่มีที่ระบุให้นำไปตามใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอันจะทำได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตตาม มาตรา 25 กับทั้งยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรกกรณีเช่นนี้ไม่ผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตาม มาตรา 38
การแปรรูปไม้ ถ้าทำที่ตอโดยถูกต้องตามที่ยกเว้นไว้ในมาตรา 50(1) ย่อมไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ผู้อื่นชักลากล่องเคลื่อนย้ายไม้เคี่ยมซึ่งเป็นไม้หวงห้าม 262 แผ่น ปริมาณ 25.45 ลูกบาศก์เมตรออกจากป่าโดยไม่มีใบเบิกทางและไม่รับอนุญาตนำไม้ล่วงด่านป่าไม้โดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานด่านป่าไม้ สมคบกันแปรรูปไม้และมีไว้โดยไม่รับอนุญาต สมคบกันมีตราไม้เอกชนโดยไม่จดทะเบียนและใช้ตราประทับไม้ผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ขอให้ลงโทษและริบไม้กับตราของกลาง

จำเลยทั้งสองปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ในข้อหาชักลากไม้ไม่มีใบเบิกทางนั้นไม้รายนี้เจ้าพนักงานนำออกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 17 ข้อ 1 ในการบำรุงป่า ไม่ต้องมีใบอนุญาตไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 38 ทั้งยังไม่ผ่านด่านป่าไม้ จึงไม่ผิดฐานนี้

ในข้อหาฐานแปรรูปและมีไม้แปรรูป การอนุญาตให้แปรรูปไม้ตามที่จำเลยขอนี้ ไม่ได้กระทำโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎกระทรวงจำเลยไม่พ้นผิด

ในข้อหาฐานมีและใช้ตราเอกสารประทับไม้โดยไม่จดทะเบียนนั้นตรา อ.ว.ผ. เป็นของบริษัท ไม่เกี่ยวกับจำเลย ตรานี้บริษัทได้จดทะเบียนไว้แล้ว ต่อมามีกฎกระทรวงฉบับที่ 12 ให้จดทะเบียนใหม่ใน 1 ปี ซึ่งต้องกระทำก่อนวันที่ 18 เมษายน 2499 ฟ้องระบุวันใช้ตราดาบเกี่ยวตั้งแต่ก่อนวันดังกล่าว จึงไม่แน่ว่าจำเลยกระทำผิดหลังจากที่ต้องตราไปจดทะเบียน เอาโทษจำเลยไม่ได้

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วางโทษตามฉบับที่ 3 พ.ศ. 2494 มาตรา 73 ปรับคนละ 200 บาท ไม้ของกลางเป็นของทางราชการทำ จึงไม่ริบ

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาฐานนำไม้เคลื่อนที่และใช้ตราไม่จดทะเบียนนั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้ว ส่วนข้อหาฐานแปรรูปไม้นั้นแม้จะถือว่าเป็นการทำโดยไม่ได้รับอนุญาตอันถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยก็สำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่าได้รับอนุญาตให้ทำได้แล้ว จึงไม่ควรมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 วรรคแรก พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้รับกันว่า ไม้รายนี้ได้ทำตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 17(1) ซึ่งป่าไม้เขตเป็นเจ้าหน้าที่ทำเพื่อประโยชน์ในการบำรุงป่าโดยทำสัญญาให้บริษัทอุดมวนผล จำกัด รับจ้างตัดฟันชักลากออกจากป่าแล้วจะขายไม้ให้บริษัท การทำไม้รายนี้จึงเป็นการทำและชักลากออกจากป่าโดยไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 11 ที่ว่าต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ข้อหาฐานนำไม้เคลื่อนที่ตามมาตรา 38 โจทก์ฎีกาว่า ข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้เคลื่อนย้ายไม้โดยไม่รับอนุญาตเท่านั้นก็เป็นความผิดศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 38 ไม่ใช่บทบังคับเรื่องชักลากไม้ออกจากป่าแต่เป็นบทบัญญัติเรื่องการนำไม้เคลื่อนที่หลังจากนำไม้ที่ทำออกตามใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต กับหลังจากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านไม้ด่านแรกแล้ว ไม่ใช่บทบัญญัติเพียงแต่นำไม้เคลื่อนที่โดยไม่มีใบอนุญาตเท่านั้น ไม้รายนี้ไม่ใช่ไม้ที่ทำโดยมีใบอนุญาต จึงไม่มีที่ระบุให้นำไปตามใบอนุญาตทั้งไม่ใช่ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอันจะทำได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตตามมาตรา 25 กับทั้งยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรก จึงไม่มีทางที่จะพิจารณาความผิดของจำเลยตามบทกฎหมายนี้

ข้อหาฐานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาตซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแตกต่างกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การแปรรูปไม้นี้ได้รับอนุญาตได้ทำที่ตอโดยถูกต้องตามนัยที่ยกเว้นไว้ในมาตรา 50(1) จึงไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้ดังฟ้อง

ส่วนข้อหาฐานใช้ตราเอกชนโดยไม่จดทะเบียนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลล่าง

พิพากษายืน

Share