คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้บัตรประจำตัวประชาชนจะเป็นเอกสารราชการซึ่งให้สันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงตามแต่ก็มิได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ห้ามมิให้คู่ความนำสืบหรือห้ามมิให้ศาลรับฟังเป็นอย่างอื่นการที่โจทก์อ้างว่าโจทก์คือนายห.บุตรนางข.คนหนึ่งแต่เหตุที่โจทก์มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนว่านายน.ก็เพราะโจทก์หลบหนีคดีอาญาโจทก์จึงแจ้งชื่อของโจทก์และชื่อบิดามารดาของโจทก์ใหม่เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าโจทก์คือนายห.นั้นนอกจากโจทก์จะอ้างตนเองเป็นพยานแล้วโจทก์ยังมีนายล.ซึ่งเคยเป็นครูสอนหนังสือโจทก์และต่อมารับราชการเป็นปลัดอำเภอเบิกความสอดคล้องกับนางก. ญาติทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยและนางส. เพื่อนบ้านซึ่งรู้จักโจทก์มาตั้งแต่เล็กๆโดยต่างยืนยันว่าโจทก์คือนายห. บุตรนายอ. กับนางข. ทั้งยังมีสัสดีจังหวัดเบิกความรับรองบัญชีรายนามทหารกองเกินและทหารกองหนุนว่านายห. เกิดปี2469เป็นบุตรนายอ. กับนางข.มีตำหนิแผลเป็นนิ้วชี้มือซ้ายตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนที่ระบุว่าโจทก์เกิดปี2469และตำหนิแผลเป็นที่นิ้วมือชี้ด้านซ้ายก็ตรงกับที่ศาลตรวจดูตัวโจทก์และบันทึกไว้ในคำเบิกความของโจทก์ด้วยเมื่อรับฟังพยานบุคคลและพยานเอกสารของโจทก์ประกอบกันแล้วทำให้พยานโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าโจทก์คือนายห. บุตรนางข.โจทก์จึงมีอำนาจร้องขอถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางข. ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอ่องและนางขีด วิเวก นางขีด ได้ถึงแก่กรรม ต่อมาจำเลยได้ขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางขีด โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า นางขีดมีบุตรเพียงคนเดียวคือนางหอม วิเวก ซึ่งถึงแก่กรรมไปก่อนนางขีดเจ้ามรดก เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้สั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางขีด วิเวกผู้ตาย และแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายขีดต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรของนางขีด จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องขอถอนผู้จัดการมรดก โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลา1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางขีด วิเวก ผู้ตาย และตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วจำเลยฎีกาว่า เมื่อบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นเอกสารของทางราชการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าโจทก์คือ นายหนู โอวาส แล้ว ก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.2 ไม่ถูกต้องเพราะเหตุใด แต่โจทก์มีเพียงพยานบุคคลมานำสืบว่า โจทก์คือนายหวย วิเวกเพื่อหักล้างบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.2 เท่านั้น ย่อมไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าโจทก์คือนายหวย วิเวก ได้ เมื่อโจทก์มิใช่นายหวย วิเวกบุตรของนางขีด วิเวกแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องต่อศาลขอถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางขีด วิเวก ได้เห็นว่า แม้บัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.2 จะเป็นเอกสารราชการซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงก็ตาม แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ห้ามมิให้คู่ความนำสืบหรือห้ามมิให้รับฟังเป็นอย่างอื่นไปได้ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์คือนายหวย วิเวกบุตรนางขีด วิเวก คนหนึ่งตามหลักฐานบัญชีเครือญาติเอกสารหมาย จ.1แต่เหตุที่โจทก์มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.2ว่านายหนู โอวาส ก็เพราะโจทก์ได้หลบหนีคดีอาญา โจทก์จึงได้แจ้งชื่อของโจทก์ใหม่และชื่อบิดามารดาของโจทก์ใหม่เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าโจทก์คือ นายหวย วิเวก นั้น นอกจากโจทก์จะอ้างตนเองเป็นพยานแล้ว โจทก์ยังมีคนที่รู้จักโจทก์อีกหลายคนมาเบิกความยืนยันด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายลัทธิ สุทธิวารีซึ่งเคยเป็นครูสอนหนังสือโจทก์ที่โรงเรียนบ้านแหลมกัดและต่อมารับราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองตราด เบิกความสอดคล้องกับนางกิ้มหรือกิม หนูกะแสร์ ญาติทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย และนางสำราญ วิสุทธิ แพทย์เพื่อนบ้านซึ่งรู้จักโจทก์มาตั้งแต่เล็ก ๆโดยต่างยืนยันว่าโจทก์คือนายหวย วิเวก บุตรนายอ๋องกับนางขีด ทั้งโจทก์ยังมีพันโทประสพ แก้วเชียงราก สัสดีจังหวัดตราด เบิกความรับรองบัญชีรายนามทหารกองเกินและทหารกองหนุน(แบบ สด.27) ตามเอกสารหมาย จ.3 ได้ความว่า นายหวย วิเวกเกิดปี 2469 เป็นบุตรนายอ๋องกับนางขีดมีตำหนิแผลเป็นนิ้วชี้มือซ้าย ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนตามเอกสาร จ.2 ที่ระบุว่าโจทก์เกิดปี 2469 และตำหนิแผลเป็นที่นิ้วมือชี้ด้านซ้ายก็ตรงกับที่ศาลตรวจดูตัวโจทก์และบันทึกไว้ในคำเบิกความของโจทก์ด้วยเมื่อรับฟังพยานบุคคลและพยานเอกสารของโจทก์ประกอบกันแล้วทำให้พยานโจทก์มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์คือนายหวย วิเวกบุตรของนางขีด วิเวก โจทก์ย่อมมีอำนาจร้องขอต่อศาลขอถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางขีด วิเวก ได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share