คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หุ้นพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่จำเลยได้ลงชื่อในแบบโอนลอยให้แก่ธ. ไปหากธ. ประสงค์ต้องการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นก็จะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนแล้วไปแก้ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นตามระเบียบได้และถ้าธ. ไม่ต้องการมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นธ. สามารถโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปได้เมื่อปรากฏต่อมาอีกว่าธ. ได้แบ่งโอนหุ้นบางส่วนให้แก่บุตรสาวคนหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการเปลี่ยนและโอนใบหุ้นเป็นชื่อของตนแล้วจึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่าการโอนหุ้นระหว่างจำเลยและธ. แบบโอนลอยนั้นคู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่าหากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็จะต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องต่อไปแต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาดก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติต่อไปได้กล่าวโดยชัดแจ้งคือเป็นการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดโดยฝ่ายจำเลยผู้โอนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนฝ่ายตนแล้วมอบให้ฝ่ายผู้รับโอนไปเลือกปฏิบัติภายหลังให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไปโดยลำพังได้การโอนลอยหุ้นให้แก่ธ. จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนแล้วเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้นยังมิได้เป็นขั้นตอนการโอนที่เสร็จเด็ดขาดและความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองที่บัญญัติว่าการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอนมีพยานคนหนึ่งอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือชื่อเป็นโมฆะนั้นเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มีหลักฐานการโอนที่แน่นอนเท่านั้นหาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทยังไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้นจึงมิอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อกลางปี 2533 โจทก์ได้รับโอนหุ้นของบริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด จำนวน 150,000 หุ้น จากนางเยาวณี นิรันดร โดยใบหุ้นดังกล่าวมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นและจำเลยได้ลงชื่อโอนลอยไว้กับลงชื่อในใบสำคัญการโอนหลักทรัพย์ให้ไว้ด้วย ต่อมาเมื่อต้นปี 2535 บริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัดได้มอบให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ยกเลิกใบหุ้นเก่าตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2535 แล้วให้ผู้ถือหุ้นฉบับเก่าไปขอเปลี่ยนและรับใบหุ้นใหม่ โจทก์ติดต่อแล้วแต่ขอเปลี่ยนไม่ได้โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งว่า ใบหุ้นเดิมยังมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ ต้องให้จำเลยเป็นผู้มาขอเปลี่ยนโจทก์จึงแจ้งให้จำเลยทราบแต่จำเลยไม่จัดการอย่างใด โจทก์ได้รับความเสียหาย ทั้งไม่ได้รับเงินปันผลของหุ้นระหว่างปี 2535ถึง 2536 หุ้นละ 3 บาท เป็นเงิน 450,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้รับไปและต้องจ่ายให้แก่โจทก์ตามกฎหมาย ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นบริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด จำนวน150,000 หุ้น หมายเลข (เดิม) 146300001 ถึง 146350000, 146650001ถึง 146700000 และ 146700001 ถึง 146750000 ให้จำเลยดำเนินการเปลี่ยนใบหุ้นข้างต้น และขอรับใบหุ้นใหม่จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือมอบอำนาจให้โจทก์ไปดำเนินการแทน แล้วให้จำเลยดำเนินการโอนใบหุ้นใหม่ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการ ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยชำระเงินจำนวน 450,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นตามฟ้อง หุ้นดังกล่าวเป็นของจำเลย จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และนางเยาวณี นิรันดร ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น และจำเลยไม่ได้มอบหมายหรือสั่งให้นางเยาวณีเป็นตัวแทนขายหุ้นพิพาทให้โจทก์ โจทก์รับโอนหุ้นพิพาทจากนางเยาวณีก่อนหุ้นดังกล่าวได้รับอนุญาตให้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นการโอนลอยซึ่งขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และข้อบังคับของบริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด หมวดที่ 2 ข้อที่ 7 ที่ว่าการโอนหุ้นจะต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนรวมทั้งระบุชื่อและที่อยู่ของผู้รับโอนให้ชัดเจน โดยมีพยานสองคนลงชื่อรับรอง และจำนำมาใช้ยันบริษัทหรือบุคคลภายนอกได้ต่อเมื่อบริษัทจดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นโจทก์ไม่มีถือกรรมสิทธิ์ในหุ้นพิพาทตามฟ้อง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง หุ้นพิพาทนั้นจำเลยนำไปมอบให้แก่นายธรรมนูญ นิรันดรโดยการโอนลอย ต่อมาจำเลยและนายธรรมนูญไม่สามารถตกลงเงื่อนไขและราคาในการซื้อขายหุ้นพิพาทจึงแจ้งให้นายธรรมนูญนำหุ้นพิพาทมาคืน แต่นายธรรมนูญไม่นำมาคืนหุ้นคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย การที่นางเยาวณีนำเอาไปโอนให้โจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นบริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด จำนวน 150,000 หุ้น หมายเลข (เดิม)146300001 ถึง 146350000, 146650001 ถึง 146700000 และ 146700001ถึง 146750000 โดยให้จำเลยดำเนินการเปลี่ยนใบหุ้นข้างต้น และขอรับใบหุ้นใหม่จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือมอบอำนาจให้โจทก์ไปดำเนินการแทน แล้วให้จำเลยดำเนินการโอนใบหุ้นใหม่ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยชำระเงิน 450,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ได้รับโอนหุ้นบริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด จำนวน 150,000 หุ้นหมายเลข (เดิม) 146300001 ถึง 143650000, 146650001 ถึง146700000 และ 146700001 ถึง 146750000 มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นในใบหุ้นซึ่งเป็นหุ้นพิพาทมาจากนางเยาวณี นิรันดร นางเยาวณีได้รับโอนหุ้นพิพาทมาจากนายธรรมนูญ นิรันดร ซึ่งได้รับโอนหุ้นพิพาทมาจากจำเลยโดยมีนายรอยอิศราพร ชุตาภา และนางส่องศรี กัลยาณมิตร กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยลงลายมือชื่อพร้อมกับประทับตราสำคัญโอนลอยไว้ก่อนที่บริษัทเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัดจะได้รับอนุญาตให้นำหุ้นของบริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ยกเลิกใบหุ้นเก่าของบริษัทดังกล่าวและให้ผู้ถือหุ้นนำใบหุ้นเก่าไปขอเปลี่ยนเพื่อรับใบหุ้นใหม่โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์นำใบหุ้นพิพาทไปขอเปลี่ยนและรับใบหุ้นใหม่จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า การโอนลอยหุ้นพิพาทมิได้เป็นการโอนซื้อขายเสร็จเด็ดขาด จึงยังไม่ขัดต่อกฎหมายนั้นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบและจำเลยไม่โต้แย้งรับฟังเป็นยุติได้ว่าหุ้นพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่จำเลยได้ลงชื่อในแบบโอนลอยให้แก่นายธรรมนูญ นิรันดร ไป หากนายธรรมนูญประสงค์ต้องการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ก็จะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนแล้วไปแก้ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นตามระเบียบได้ และถ้านายธรรมนูญไม่ต้องการมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น นายธรรมนูญสามารถโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปได้ และข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏต่อมาอีกว่านายธรรมนูญได้แบ่งโอนหุ้นบางส่วนให้แก่นางสาวเยาวลักษณ์ นิรันดร บุตรสาวคนหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการเปลี่ยนและโอนใบหุ้นเป็นชื่อของตนได้สำเนาใบหุ้นเอกสารหมาย จ.12แผ่นที่ 7 ถึงแผ่นที่ 11 ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่า การโอนหุ้นระหว่างจำเลยและนายธรรมนูญแบบโอนลอยนั้น คู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่า หากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็จะต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องต่อไป แต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาด ก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติต่อไปได้กล่าวโดยชัดแจ้งคือ เป็นการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนด โดยฝ่ายจำเลยผู้โอนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนฝ่ายตนแล้วมอบให้ฝ่ายผู้รับโอนไปเลือกปฏิบัติภายหลังให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไปโดยลำพังได้การโอนลอยหุ้นให้แก่นายธรรมนูญจึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนแล้วนั้นเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้นยังมิได้เป็นขั้นตอนการโอนที่เสร็จเด็ดขาด ซึ่งความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง ที่บัญญัติว่าการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือชื่อเป็นโมฆะนั้น เป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มีหลักฐานโอนที่แน่นอนเท่านั้น หาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว ยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทยังไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้น จึงมิอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share