แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของโรงเรียนของโจทก์ร. เป็นเสมียนการเงิน จำเลยได้กระทำละเมิดโดยประมาทเลินเล่อทำให้เงินของโจทก์สูญหายไป แล้ว ร. ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่ผู้จัดการโรงเรียนด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ โดยยินยอมผ่อนใช้เงินให้ ดังนี้จะถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้หาได้ไม่ เพราะร. และจำเลยต่างก็เป็นลูกหนี้เดิมฐานละเมิดต่อโจทก์อยู่แล้ว ไม่มีการเปลี่ยนตัวเอาลูกหนี้คนใหม่หรือบุคคลที่สามเข้ามาเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้เดิมแต่อย่างใด มูลหนี้ฐานละเมิดซึ่งเป็นหนี้เดิมของจำเลยจึงหาระงับไปไม่ จำเลยไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของโรงเรียนโจทก์ จำเลยมิได้จัดการให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนและหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ เป็นเหตุให้เงินที่อยู่ในความรับผิดชอบขาดหายไป ๘๖,๖๗๙ บาท ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และชำระเงินบางส่วนให้โจทก์แล้ว แต่จำเลยก็ไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๘๖,๖๗๙ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยทำหน้าที่ฝ่ายธุรการ ส่วนการเงินอยู่ในความรับผิดชอบของนางเรืองรอง เมื่อเงินของโจทก์ขาดบัญชีไป นางเรืองรองได้ทำหนังสือรับผิดและหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ จำเลยในฐานะผู้บังคับบัญชานางเรืองรอง ได้ทำหนังสือค้ำประกันเงินรายนี้ไว้ แต่ระบุว่าเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานละเมิดจำเลยคงผูกพันต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๘๖,๖๗๙ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อนางเรืองรองทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้กับผู้จัดการโรงเรียนโจทก์ด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ พฤติการณ์ระหว่างคู่กรณีเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้มูลหนี้ฐานละเมิดซึ่งเป็นหนี้เดิมของจำเลยได้ระงับไป จำเลยจึงพ้นความรับผิดต่อโจทก์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยประมาทเลินเล่อ ทำให้เงินของโจทก์สูญหายไปมีปัญหาต่อไปว่า มูลหนี้ฐานละเมิดซึ่งเป็นหนี้เดิมของจำเลยได้ระงับไปแล้วหรือไม่ การที่นางเรืองรองทำหนังสือรับสภาพหนี้กับผู้จัดการโรงเรียนของโจทก์ด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์นั้น จะถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้หาได้ไม่ เพราะนางเรืองรองก็ดีจำเลยก็ดี ต่างก็เป็นลูกหนี้เดิมฐานละเมิดต่อโจทก์อยู่แล้ว กรณีไม่มีการเปลี่ยนตัวเอาลูกหนี้คนใหม่หรือบุคคลที่สามเข้ามาเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้เดิมแต่อย่างใด เมื่อกรณีไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้แล้ว มูลหนี้ฐานละเมิดซึ่งเป็นหนี้เดิมของจำเลยจึงหาได้ระงับไปไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หนี้ฐานละเมิดของจำเลยได้ระงับไป และจำเลยพ้นจากความรับผิดต่อโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม ๑,๒๐๐ บาท