แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปใช้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เพราะมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่าบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1 ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายอุมา นิชู ร่วมกันออกเช็ค ๒ ฉบับรวมเป็นเงิน ๒๑๓,๐๐๐ บาท โดยมีเจตนาร่วมกันที่จะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓
บริษัทศรีมหาราชา จำกัด ฯ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยและนายอุมา นิชู ให้การปฏิเสธ
ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยและนายอุมา นิชู มีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกคนละ ๑ ปี นายอุมาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนลดโทษให้กึ่งหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกนายอุมา ๘ เดือน
จำเลยและนายอุมาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางเว้งเซียะ แซ่โค้ว จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือนายอุมาผู้สั่งจ่ายในเช็คและนำเช็คไปใช้ จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกับนายอุมาออกเช็คหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ชั้นแรกจำเลยเป็นผู้ให้เงินนายอุมา ไปเปิดบัญชีฝากแก่ธนาคาร ต่อมาจำเลยให้นายอุมาถอนเงินเสียเกือบหมด คงเหลือไว้ในบัญชีเพียง ๒๐๐ บาท แล้วก็ไม่มีการฝากเพิ่มอีก โดยจำเลยเป็นผู้เก็บสมุดเช็คไว้เสียเองแทนที่จะให้นายอุมาผู้เป็นเจ้าของบัญชีเก็บแล้วจำเลยให้นายอุมาออกเช็คพิพาท ๒ ฉบับสั่งจ่ายเงินรวมถึง ๒๑๓,๐๐๐ บาท ทั้งที่รู้ว่าในบัญชีฝากมีเงินอยู่เพียง ๒๐๐ บาทเท่านั้น แม้จำเลยได้เขียนลงด้านหลังเช็คว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเช็คใบนี้เป็นลายเซ็นของคุณอุมาจริง แล้วจำเลยได้นำเช็คพิพาทไปชำระหนี้แก่โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินในบัญชีของนายอุมามีเพียง ๒๐๐ บาท ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้ร่วมกับนายอุมา มาตั้งแต่ต้น หรือเป็นต้นตอให้นายอุมาเปิดบัญชีฝากเงินต่อธนาคาร และรู้เห็นเกี่ยวกับบัญชีฝากเงิน และการที่นายอุมาถอนเงินออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินโดยตลอดมา จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการทำความผิดฐานออกเช็คให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คด้วยเจตนาจะไม่มีการใช้เงินตามเช็คนั้นตามฟ้อง โดยมาตรา ๑๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่า บทบัญญัติในภาค ๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา ๘๓ ก็เป็นบทบัญญัติในภาค ๑ ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น ไม่ใช่ว่าบุคคลอื่นใดที่ไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คแล้วจะไม่อาจมีความผิดฐานเป็นผู้สมคบหรือเป็นตัวการทำความผิดตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้
พิพากษายืน.