แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญามาด้วยกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งหมด คงมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมาเฉพาะคดีส่วนแพ่ง. ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลสูงจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้น.
มารดาได้แจ้งการเกิดของบุตรต่อจำเลยซึ่งเป็นสารวัตรกำนัน ผู้ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งการเกิด. โดยระบุแจ้งชื่อโจทก์เป็นบิดาเด็กที่เกิดนั้น. แต่จำเลยยังไม่แน่ใจที่จะกรอกลงไปในสูติบัตร จึงได้เว้นว่างไว้.แล้วนายอำเภอเป็นผู้สั่งให้จำเลยแก้โดยให้เติมชื่อและนามสกุลของโจทก์ลงไปในสูติบัตร โดยจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายต่อโจทก์. หากแต่ได้แก้ไขเพิ่มเติมไปโดยหน้าที่และตรงตามที่มารดาของเด็กแจ้ง. ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิด. โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยแก้ชื่อและนามสกุลของโจทก์ออกจากสูติบัตรนั้นไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่า นางจูม หอมจำปีได้แจ้งการเกิดของบุตรชายชื่อรัศมี ต่อจำเลยซึ่งเป็นสารวัตรกำนันผู้ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งการเกิดแต่ไม่ได้แจ้งว่าใครเป็นบิดา จำเลยออกสูติบัตรให้ไปแล้ว แต่เรียกกลับมาแก้ใหม่ ขีดนามสกุลเด็กออก เติมนามสกุลโจทก์แทน และในช่องบิดา เติมชื่อและนามสกุลโจทก์โดยมีเจตนาร้ายต่อโจทก์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162, 161 และบังคับจำเลยแก้ชื่อและนามสกุลโจทก์ออกจากสูติบัตร จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้ปฏิบัติและกระทำการตามอำนาจหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้กระทำโดยชอบ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งข้อหาทางอาญาและทางแพ่ง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะไม่ยื่นภายในกำหนด แต่ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับอุทธรณ์ในคดีส่วนแพ่งของโจทก์ไว้เมื่อพิจารณาแล้ว พิพากษายืน โจทก์ฎีกาต่อมา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ซึ่งข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาคดีนี้นั้น ศาลชั้นต้นฟังเป็นยุติโดยคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเมื่อนางจูมมาแจ้งการเกิดของเด็กชายรัศมีบุตรนางจูมต่อจำเลยนั้นนางจูมได้แจ้งระบุชื่อโจทก์เป็นบิดาเด็กที่เกิดนั้นด้วย แต่จำเลยยังไม่แน่ใจที่จะกรอกลงไปในสูติบัตร จึงได้เว้นว่างไว้ แล้วนายอำเภอเป็นผู้สั่งให้จำเลยแก้ โดยให้เติมชื่อโจทก์และนามสกุลลงไปโดยจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายต่อโจทก์ หากแต่ได้แก้ไขเพิ่มเติมไปโดยหน้าที่และตรงตามที่นางจูมมาแจ้ง จำเลยจึงไม่มีความผิด ดังนี้ โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยรับผิดในทางแพ่ง ให้จำเลยแก้ชื่อและนามสกุลของโจทก์ออกจากสูติบัตรนั้นไม่ได้ พิพากษายืน.