แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าซื้อระบุชื่อบริษัทโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อกับจำเลยผู้เช่าซื้อไว้ชัดแจ้งโดยพนักงานของบริษัทโจทก์ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซื้อขายลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทโจทก์. เป็นการทำแทนบริษัทโจทก์. มิใช่ทำเป็นส่วนตัว. ซึ่งจำเลยก็ทราบดี เมื่อจำเลยลงชื่อไว้ในสัญญาและได้รับทรัพย์ที่เช่าซื้อไปแล้ว. สัญญาเช่าซื้อย่อมมีผลผูกพันบริษัทโจทก์กับจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยได้เช่าซื้อตู้เย็น 1 ตู้จากโจทก์ ราคา 5,000 บาท แบ่งชำระราคามีกำหนด20 เดือน ๆ ละ 250 บาท ปรากฏตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้องจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 8 เป็นต้นมา เป็นเงิน4,125 บาท โจทก์ได้บอกเลิกสัญญา ให้จำเลยส่งคืนตู้เย็นและชำระค่าเช่าซื้อจำนวนที่ค้างดังกล่าว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับชำระ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์มิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์เป็นลูกหนี้จำเลยอยู่และได้ตกลงหักเงินที่โจทก์ต้องใช้จำเลยออกงวดละ 125 บาท เป็นการชำระค่าเช่าซื้อตู้เย็นโดยได้ถือปฏิบัติเรื่อยมา ครั้งเมื่อจำเลยออกจากงานบริษัทโจทก์ในเดือนสิงหาคม 2505 โจทก์ได้ตกลงหักเงินค่าเช่าซื้อตู้เย็นจากเงินค่านายหน้าที่โจทก์ต้องชำระจำเลยซึ่งเมื่อคิดถึงปลายปี 2505 คงเป็นเงินค่านายหน้ารวม 40,299 บาท เมื่อหักจากเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ 4,125 บาท คงเหลือเงินที่โจทก์ต้องชำระให้จำเลยอีก 36,174 บาท ขอให้บังคับโจทก์ชำระ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งเพราะไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม และวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อ 2 เดือนเป็นเงิน 500 บาท พิพากษาให้จำเลยชำระพร้อมทั้งคืนตู้เย็นแก่โจทก์ หากไม่คืนให้ใช้เงิน 5,000 บาท คำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นอำนาจฟ้องที่จำเลยต่อสู้ว่า สัญญาเช่าซื้อปรากฏชัดว่าบริษัทโจทก์กับจำเลยเป็นคู่สัญญากันชัดแจ้ง สำหรับการลงชื่อในสัญญาสำหรับโจทก์นั้น เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ย่อมมีกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารงานแทน ฉะนั้น การที่นายมณฑลซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่รับผิดชอบในการซื้อขาย ย่อมมีอำนาจทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยได้ เพราะเป็นการทำแทนบริษัทโจทก์ซึ่งจำเลยเป็นพนักงานขายของของโจทก์ย่อมทราบดีอยู่แล้วส่วนปัญหาฟ้องโจทก์เห็นว่าสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ในข้อเท็จจริงเห็นชอบตามที่ศาลล่างวินิจฉัยมาพิพากษายืน.