แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีภริยาอยู่กินด้วยกันมาได้ 30 ปีเศษ ขณะมีชีวิตอยู่ได้ช่วยเหลือในทางค้าขาย แสดงว่าสามีภริยาต่างก็มีอุปการะซึ่งกันและกัน ฉะนั้นเมื่อจำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ฝ่ายหนึ่งตายลง ย่อมเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องขาดไร้อุปการะและการขาดไร้อุปการะเช่นว่านี้เป็นการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ผู้ที่มีชีวิตอยู่จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางสายท่าเตียนดาวคะนอง ของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนายจ้าง จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์โดยสารตามเส้นทางในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ด้วยความประมาทร้ายแรงเป็นเหตุให้รถยนต์ชนะนางเง็กเตียง แซ่คุ ภรรยาโจทก์ใช้ทางม้าลายถึงแก่ความตายขอให้จำและใช้ค่าเสียหายรวม ๑๘๕,๗๒๘ บาท ๘๐ สตางค์
จำเลยทั้งสองให้การรับว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ประมาทชนภริยาโจทก์ถึงแก่ความตายจริง คงปฏิเสธค่าเสียหายว่าโจทก์เรียกสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์เป็นสามีผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้สำหรับค่าขาดไร้อุปการะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๓ เห็นควรให้ ๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนค่าเสียหายในการปลงศพควรให้ ๖๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าตามฟ้อง โจทก์มีความประสงค์เรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา ๔๔๕ ไม่ใช่ค่าเสียหายเพราะเหตุขาดอุปการะ ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกได้ตามมาตรา ๔๔๕ ส่วนค่าใช้จ่ายปลงศพควรกำหนดให้เพียง ๑๐,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนขาดไร้อุปการะ ๒๐,๐๐๐ บาท ชอบแล้ว ส่วนค่าปลงศพสูงไปควรกำหนดให้เพียง ๔๐,๐๐๐ บาท พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินรวม ๖๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ฎีกาว่า ค่าปลงศพที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ ๖๐,๐๐๐ บาทนั้น เป็นการสมควรแล้ว
จำเลยทั้งสองฎีกา ขอให้ยกคำขอที่ขอค่าขาดไร้อุปการะและขอให้ลดค่าปลงศพลงเหลือเพียง ๒๐,๐๐๐ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุตายลงนั้นทำให้โจทก์ต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย เพราะสามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกัน เมื่อเป็นการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย โจทก์จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นได้ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่าง ๆ ประกอบกับขนบธรรมประเพณีของโจทก์ จึงกำหนดให้ค่าทำศพ ๖๐,๐๐๐ บาท พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น