แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันภัยแสดงข้อความเท็จเพื่อให้ผู้รับประกันภัยทำสัญญาประกันภัยด้วย แล้วผู้เอาประกันภัยเอาเรื่องอุบัติเหตุเท็จไปแจ้งเพื่อขอรับเงินซึ่งเอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยไม่จ่าย แต่จ้างผู้มีชื่อสืบหาความจริง เสียค่าจ้าง 7,771.10 บาท การที่ผู้เอาประกันภัยแสดงข้อความเท็จอันเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยทำสัญญาประกันภัยด้วย ไม่ใช่การกระทำละเมิดเป็นแต่เรื่องกลฉ้อฉลเท่านั้น ส่วนเงิน7,771.10 บาทนั้น ก็ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรงของการกระทำของผู้เอาประกันภัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาประกันภัย
จำเลยทั้งสองปฏิเสธความรับผิด และจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งว่าโจทก์กระทำละเมิดต่อจำเลยที่ 1 โดยแสดงข้อความเท็จในคำขอเอาประกันภัยและความจริงตาของโจทก์เสียก่อนเอาประกันภัยแล้ว โจทก์กลับมาแจ้งว่าตาเสียหลังจากเอาประกันภัย เพื่อเรียกเอาค่าประกันภัย จำเลยต้องเสียค่าจ้างสืบหาความจริงข้อนี้ 7,771.10 บาท ขอให้โจทก์ชำระเงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ทำละเมิด ไม่มีความรับผิดที่จะต้องชำระเงินจำนวนนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้จำเลยที่ 1 เต็มตามฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตาโจทก์บอดก่อนที่โจทก์จะเอาประกันภัยกับจำเลยหลังจากเอาประกันภัยตาข้างนี้บาดเจ็บอีก โจทก์จึงมาขอรับค่าประกันภัยอ้างว่าเพิ่งได้รับอุบัติเหตุถึงตาบอด จำเลยจ้างผู้มีชื่อสืบได้ความจริง โดยเสียค่าจ้างตามที่ฟ้องแย้ง แล้ววินิจฉัยว่าการที่โจทก์เอาความเท็จไปแสดงเป็นเหตุให้จำเลยทำสัญญาประกันภัยด้วยนั้น ไม่เป็นการละเมิด เป็นแต่เพียงกลฉ้อฉลเท่านั้น ส่วนค่าจ้างที่จำเลยเสียในการสืบหาความจริงนั้นไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของโจทก์
พิพากษายืน