คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289(4) พิพากษาลงโทษประหารชีวิต ของกลางริบ โจทก์และจำเลย ต่างไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสองศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายโดย ไตร่ตรองไว้ก่อนเช่นเดียวกัน แต่เมื่อปรับบทลงโทษตามมาตรา 289(4) แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 288อีก พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีเป็นอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสองแล้วจำเลยย่อมฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยเจตนาฆ่านายสุขสันต์ ชูศรี ผู้ตายและไตร่ตรองไว้ก่อนได้ตระเตรียมท่อนเหล็กท่อน้ำยาวประมาณ 1 ฟุตจำนวน 1 ท่อน และมีดพร้า 1 เล่ม เป็นอาวุธซุกซ่อนไว้ก่อนเมื่อผู้ตายนอนหลับ จำเลยได้ใช้อาวุธดังกล่าวตีและฟันศีรษะและบริเวณใบหน้าหลายครั้งเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289(4) ลงโทษประหารชีวิต ของกลางริบ
โจทก์และจำเลยต่างไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4) พิพากษาลงโทษประหารชีวิตของกลางริบ โจทก์และจำเลยต่างไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเช่นเดียวกัน แต่เมื่อปรับบทลงโทษตามมาตรา 289(4) แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 288 อีก พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) นอกจากนี้แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีเป็นอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสองแล้วจำเลยย่อมฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share