คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์สาขาถนนลาดพร้าว ซอย 99 ไม่ใช่สาขาอินทามระที่จำเลยที่ 1นำเช็คมาขายลดในภายหลังซึ่งจำเลยที่ 1 ได้โอนบัญชีมาแล้วสาขาของโจทก์นั้นไม่ว่าสาขาใดก็คือส่วนหนึ่งของโจทก์นั่นเองสัญญาค้ำประกันระบุว่า หนี้รับซื้อลดตั๋วเงินซึ่งรวมถึงหนี้ขายลดเช็คตามฟ้องด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็ค และสัญญาค้ำประกันไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) มีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกค้าของโจทก์ทั้งที่สาขาลาดพร้าว ซอย 99 และที่สาขาอินทามระ จำเลยที่ 1ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอินทามระจำนวนเงิน 2,645,000 บาท แล้วนำมาทำสัญญาขายลดเช็คเพื่อขอรับเงินไปก่อนกับโจทก์ที่สาขาอินทามระ โดยสัญญาว่าถ้าเช็คถึงกำหนดเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1 ยอมชดใช้เงินจำนวนตามเช็คแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย และจำเลยที่ 2ได้ทำสัญญาค้ำประกันการขายลดเช็คของจำเลยที่ 1ไว้แก่โจทก์ โดยยอมรับผิดทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยไม่เกิน250,000 บาท ครั้นเช็คถึงกำหนดชำระ โจทก์ทวงถาม แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 3,323,206.92 บาท และให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 250,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ขายลดเช็คของจำเลยที่ 1 ไว้แก่โจทก์ที่สาขาอินทามระสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม คดีโจทก์ขาดอายุความ และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน3,323,206.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 2,645,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 250,000 บาท ให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเฉพาะทุนทรัพย์ 250,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า สัญญาค้ำประกันมิได้ทำเพื่อค้ำประกันการขายลดเช็คตามฟ้องนั้น เห็นว่าแม้ตามสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ที่สาขาลาดพร้าว ซอย 99ไม่ใช่ที่สาขาอินทามระที่จำเลยที่ 1 นำเช็คมาขายลดในภายหลังก็ตามแต่ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่าจำเลยที่ 1 โอนบัญชีมาแล้ว และโจทก์ไม่ว่าสาขาใดก็คือส่วนหนึ่งของโจทก์นั่นเอง เมื่อสัญญาค้ำประกันข้อ 1 ระบุว่าหนี้รับซื้อลดตั๋วเงินซึ่งรวมถึงหนี้ขายลดเช็คตามฟ้องด้วยและจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันโดยตกลงรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ จำนวนเงินไม่เกิน 250,000 บาทจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว
ส่วนปัญหาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ดังกล่าว มิได้ฟ้องบังคับให้ชำระเงินตามเช็คโดยตรงสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คและตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่) คือมีอายุความ 10 ปี จำเลยที่ 1ผิดสัญญาเพราะโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2530 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share