คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด ก่อนกระทำความผิดจำเลยตะโกนด่า ผู้เสียหายว่า “เย็ดแม่ยิงให้ตายโหง ” แสดงว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายให้ตายจำเลยหันปากกระบอกปืนไปทางหลัง ผู้เสียหายที่กำลังวิ่งหนีเล็งไปในส่วนอวัยวะสำคัญ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ผลที่จำเลยยิงผู้เสียหายแม้จะไม่ถูกผู้เสียหาย ไม่มีร่องรอยกระสุนปืนตามที่เจ้าพนักงานตำรวจเบิกความประกอบบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุก็ตาม จำเลยยิงปืนในขณะเมาสุรา อาวุธปืนอาจสะบัดปากกระบอกปืนเบี่ยงสูงขึ้นก็เป็นได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลนใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยกับพวกประมาณ 4 คนกำลังนั่งดื่มสุราที่หน้าบ้านจำเลย ส่งเสียงดังโวยวายจำเลยพูดว่าเย็ดแม่ ยิงให้ตายโหง แล้วจำเลยเดินมาหาผู้เสียหาย มือซ้ายชักอาวุธปืนลูกซองสั้นจากเอวมาถือไว้ จำเลยหยุดอยู่ที่หน้าบ้านผู้เสียหายนอกรั้วบ้านห่างจากผู้เสียหายประมาณ 4 เมตร จำเลยพูดอีกครั้งหนึ่งว่าเย็ดแม่ ยิงให้ตายโหง ผู้เสียหายจึงลุกขึ้นวิ่งหนีไปทางข้างบ้านผู้เสียหายวิ่งหันหลังให้จำเลยและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดกระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งไปอยู่บ้านนางปิ่นวันรุ่งขึ้นจึงไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและนำไปจับกุมจำเลย ตามบันทึกเอกสารหมาย จ. 1 ในเวลาต่อมาผู้เสียหายนำพนักงานสอบสวนไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุไว้ตามแผนที่สังเขปแสดงที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.2 นายสาโรจน์ ชูชาติบุตรผู้เสียหายและนางประสาน อยู่เหมือน พยานโจทก์เบิกความทำนองเดียวกันว่าขณะเกิดเหตุนายสาโรจน์นั่งอยู่ที่ขอนไม้ข้างบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนนางประสานนั่งป้อนข้าวให้ลูกอยู่ที่ประตูครัวข้างบ้านของตนตามจุดหมายเลข 5 ในเอกสารหมาย จ. 2 พยานทั้งสองคนได้ยินจำเลยด่าเย็ดแม่ ยิงให้ตายโหง พยานเห็นผู้เสียหายวิ่งมาทางพยานทั้งสอง จำเลยเหนี่ยวไกปืนหันปากกระบอกปืนไปที่หลังผู้เสียหายแต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด นายสาโรจน์พาน้องวิ่งหนีตามผู้เสียหาย นางประสานพาลูกวิ่งหนีไปที่บ้านนางปิ่นด้วย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พยานทั้งสองไปชี้ตัวจำเลยตามบันทึกการดูตัวผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ. 3 และ จ. 4 ตามลำดับ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยตะโกนด่าผู้เสียหายว่า “เย็ดแม่ ยิงให้ตายโหง”ย่อมทำให้ประจักษ์พยานโจทก์สนใจหักไปดูจึงเห็นผู้เสียหายวิ่งมาทางประจักษ์พยานโจทก์และจำเลยยิงปืนตามหลังผู้เสียหาย1 นัด ในระยะห่างกันประมาณ 7 เมตร ตามแผนที่สังเขปแสดงที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.2 โดยที่เกิดเหตุในเวลากลางวัน ประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวย่อมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนประจักษ์พยานโจทก์รู้จักจำเลยมาก่อนและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยเชื่อว่าจำจำเลยได้และเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยได้ ที่จำเลยนำสืบอ้างที่อยู่ไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหาย1 นัด จากกิริยาอาการของจำเลยก่อนกระทำความผิดจำเลยตะโกนด่าผู้เสียหายว่า “เย็ดแม่ ยิงให้ตายโหง” แสดงว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายให้ตาย จำเลยหันปากกระบอกปืนไปทางหลังผู้เสียหายที่กำลังวิ่งหนี เล็งไปในส่วนอวัยวะสำคัญจำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ผลที่จำเลยยิงผู้เสียหายแม้จะไม่ถูกผู้เสียหาย่ ไม่มีร่องรอยกระสุนปืนตามที่ร้อยตำรวจตรีะนาดล แก้วอุบลเบิกความประกอบบันทึกการตรวจสถานที่เอกสารหมายา จ.6 ก็ตามจำเลยยิงปืนในขณะเมาสุราอาวุธปืนอาจสะบัดปากกระบอกปืนเบี่ยงสูงขึ้นก็เป็นได้ ถ้าจำเลยชักปืนเด็กเล่นมายิงผู้เสียหายหรือยิงปืนขึ้นฟ้า จำเลยก็น่าจะยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ต้น มิใช่ต่อสู้อ้างฐานที่อยู่พยานจำเลยจึงไม่มีเหตุผล ไม่อาจรับฟังได้ดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมา ดังนั้น ่จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฟ้อง…”
พิพากษายืน.

Share