คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5244/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 69 ทวิ วรรคห้า ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนไกล่เกลี่ยเพื่อให้การรังวัดสอบเขตและการออกโฉนดตามแนวเขตที่รังวัดใหม่ซึ่งเปลี่ยนไปสามารถดำเนินการต่อไปได้เพื่อประโยชน์แก่คู่กรณีที่จะได้ทราบแนวเขตที่แท้จริงตามที่ตกลงกัน และถ้าไกล่เกลี่ยแล้วไม่สามารถตกลงกันได้ก็แจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องภายใน 90 วัน ถ้าไม่มีการนำคดีไปฟ้องภายในกำหนดดังกล่าวเพียงถือว่าผู้ขอสอบเขตโฉนดที่ดินไม่ประสงค์จะให้ดำเนินการตามคำขออีกต่อไป และทำให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจที่จะไม่รังวัดสอบเขตที่ดินต่อไปได้โดยไม่มีความผิดเท่านั้น หาใช่เป็นบทกำหนดวิธีการและขั้นตอนให้ผู้ยื่นคำขอรังวัดต้องปฏิบัติก่อนจึงจะฟ้องคดีได้ไม่ และไม่มีผลทำให้การถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามความจริงไม่เกิดขึ้นหรือหมดไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้จำเลยถอยร่นแนวเขตที่ดินของจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องนั้น ถือได้ว่าเป็นคำขอให้จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินโจทก์ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยรับของแนวเขตที่ดินโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 3071 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินไม่ทราบหมายเลขโฉนด โดยอยู่ด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้รังวัดสอบเขตที่ดินโจทก์แต่เจ้าพนักงานไม่สามารถรังวัดสอบเขตที่ดินได้ เนื่องจากจำเลยทั้งห้าชี้อาณาเขตที่ดินล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าถอยร่นแนวเขตที่ดินของจำเลยทั้งห้าออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3071 ตำบลเสนา อำเภออุไทยใหญ่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว

จำเลยทั้งห้าขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม นางสาวสายหยุดตรีมณี ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาต

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 3071 เลขที่ดิน 21 ตำบลเสนา อำเภออุทัยใหญ่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามเอกสารหมาย จ.1 และจำเลยทั้งห้ามีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 10100 เลขที่ดิน 120 ตำบลเสนา อำเภออุทัย (อุทัยใหญ่) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เบิกความว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน2537 โจทก์ยื่นคำขอสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 3071 ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน โดยนายจรัลพูนศิริ เป็นผู้ไปรังวัดแต่ไม่อาจจะสอบเขตที่ดินได้ เพราะจำเลยทั้งห้าชี้แนวเขตที่ดินล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และนายจรัลผู้รังวัดสอบเขตเบิกความสนับสนุนอีกว่า ได้ไปรังวัดที่ดินโจทก์เมื่อปี 2538 ปรากฏว่าจำเลยทั้งห้าเคยขอแก้ไขเนื้อที่ดินของตนและขอออกโฉนดล้ำที่ดินโจทก์ ตามแผนที่เอกสารหมาย จ.4 และจำเลยที่ 5 ก็เบิกความโต้แย้งว่าที่ดินจำเลยทั้งห้า ไม่ได้ล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์แต่ที่ดินโจทก์ล้ำเข้าไปในที่ดินจำเลยทั้งห้าถือได้ว่าจำเลยทั้งห้าโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตแล้ว เจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านการรังวัดและไม่มีการไกล่เกลี่ยของเจ้าพนักงานที่ดินนั้นเห็นว่าประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 69 ทวิ วรรคห้า เป็นบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนไกล่เกลี่ยเพื่อให้การรังวัดสอบเขตและการออกโฉนดตามแนวเขตที่รังวัดใหม่ซึ่งเปลี่ยนไป สามารถดำเนินการต่อไปได้เพื่อประโยชน์แก่คู่กรณีที่จะได้ทราบแนวเขตที่แท้จริงตามที่ตกลงกัน และถ้าไกล่เกลี่ยแล้วไม่สามารถตกลงกันได้ก็แจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องภายใน 90 วัน ถ้าไม่มีการนำคดีไปฟ้องภายในกำหนดดังกล่าวเพียงถือว่าผู้ขอสอบเขตโฉนดที่ดินไม่ประสงค์จะให้ดำเนินการตามคำขออีกต่อไป และทำให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจที่จะไม่รังวัดสอบเขตที่ดินต่อไปได้โดยไม่มีความผิดเท่านั้น หาใช่เป็นบทกำหนดวิธีการและขั้นตอนให้ผู้ยื่นคำขอรังวัดต้องปฏิบัติก่อนจึงจะฟ้องคดีได้ไม่ และไม่มีผลทำให้การถูกโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามความจริงไม่เกิดขึ้นหรือหมดไปโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ข้อนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น

ส่วนปัญหาว่าที่ดินจำเลยทั้งห้าตามเอกสารหมาย ล.1 ล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังไม่ได้วินิจฉัยศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยก่อน เห็นว่า โฉนดที่ดินเลขที่3071 เอกสารหมาย จ.1 ของโจทก์ กับโฉนดที่ดินเลขที่ 3074 เอกสารหมาย ล.2 และโฉนดที่ดินเลขที่ 10100 เอกสารหมาย ล.1 ของจำเลยทั้งห้าซึ่งแบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเอกสารหมาย ล.2 ได้ออกโดยอาศัยแผนที่ระวางเอกสารหมาย จ.2 ทั้งสิ้น ซึ่งแนวเขตที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกที่ติดกับที่ดินจำเลยทั้งห้า และรูปแผนที่ในโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1 มีลักษณะเหมือนกับแนวและรูปแผนที่ในระวางแผนที่เอกสารหมาย จ.2 แต่แนวเขตด้านทิศตะวันตกและรูปแผนที่ในโฉนดที่ดินของจำเลยทั้งห้าเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 มีลักษณะผิดไปจากที่ปรากฏในระหว่างแผนที่ดังกล่าว ทั้งเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดเพื่อแบ่งแยกที่ดินตามเอกสารหมาย ล.2 ปรากฏว่าที่ดินตามเอกสารหมาย ล.2มีเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 งาน 15 ตารางวา และได้มีการแก้ไขให้ปรากฏตามสารบัญจดทะเบียนท้ายเอกสารดังกล่าว นอกจากนี้นายจรัลผู้รังวัดที่ดินโจทก์เบิกความว่าการรังวัดสอบเขตที่ดินโจทก์ปรากฏว่าแนวเขตที่ดินจำเลยทั้งห้าที่จำเลยที่ 5 เคยขอแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อที่ในภายหลังได้ล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ทำให้ที่ดินโจทก์มีเนื้อที่ลดลง ซึ่งคำเบิกความของนายจรัลมีเหตุผลสนับสนุนข้อเท็จจริงข้างต้นให้มีน้ำหนักรับฟังได้ยิ่งขึ้น ที่จำเลยทั้งห้าอ้างว่า เมื่อจำเลยที่ 5 ยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินเอกสารหมาย ล.2 เพื่อแบ่งให้จำเลยที่ 5 และนางประกอบ บัวศรี พี่สาวจำเลยที่ 5 และเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแบ่งแยกตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.1 มารดาโจทก์ไประวังแนวเขตและรับรองแนวเขตตามเอกสารหมาย ล.8ท้ายฎีกาโจทก์นั้น ปรากฏว่านางประกอบพี่สาวจำเลยที่ 5 เป็นผู้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์ไประวังแนวเขตแทน ซึ่งนางประกอบอาจจะรับรองแนวเขตผิดไปจากความจริงเพื่อประโยชน์ของตนเองและจำเลยที่ 5 ก็ได้ การรับรองแนวเขตของนางประกอบผู้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์หาเป็นข้อชี้ว่านางประกอบได้รับรองแนวเขตถูกต้องตรงกับความจริงไม่ ข้ออ้างและพยานหลักฐานของจำเลยทั้งห้าขาดเหตุผลและน้ำหนักน้อยกว่าพยานหลักฐานโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์มีเหตุผลและน้ำหนักรับฟังได้ว่า แนวเขตที่ดินจำเลยทั้งห้าด้านทิศตะวันตกตามเอกสารหมาย ล.1 และรูปแผนที่ในเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องตามความจริง และล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์เอกสารหมาย จ.1 ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นเช่นเดียวกัน และที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้จำเลยทั้งห้าถอยร่นแนวเขตที่ดินจำเลยทั้งห้าออกไปจากที่ดินโจทก์ และห้ามจำเลยทั้งห้าเข้าเกี่ยวข้องนั้นถือได้ว่าโจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งห้ารับรองแนวเขตที่ดินโจทก์นั่นเอง”

พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งห้ารับรองแนวเขตที่ดินโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 3071ตำบลเสนา อำเภออุไทยใหญ่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เอกสารหมาย จ.1 และห้ามมิให้จำเลยทั้งห้าเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวของโจทก์

Share