แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นเรียกให้โจทก์สืบพยานเพิ่มเติมภายหลังจากสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเสร็จแล้วเหลือเพียงรอฟังคำพิพากษาเพื่อพิสูจน์ชื่อโจทก์เพราะชื่อโจทก์ตามฟ้องกับหนังสือรับรองของกระทรวงพาณิชย์ไม่ตรงกันนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 86 วรรคท้าย และ 187 จำเลยผู้ซื้อผิดนัดชำระราคาตามสัญญาซื้อขาย โจทก์ผู้ขายมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากยอดหนี้ที่ค้างชำระนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดแต่เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าโจทก์ทวงถามวันใดอันจะถือว่าจำเลยผิดนัด ศาลให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อถ่านหินจากโจทก์ 2 คราวแล้วไม่ชำระราคา ขอให้จำเลยชำระราคา จำเลยให้การว่าโจทก์สั่งถ่านหินมาให้จำเลยทดลองใช้ จำเลยทดลองแล้วไม่ได้ผลจึงปฏิเสธไม่ซื้อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 74,503 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 39,565.50 บาท นับแต่วันที่ 12กุมภาพันธ์ 2525 และจากต้นเงิน 34,937.50 บาท นับแต่วันที่ 16มีนาคม 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยจากต้นเงิน 74,503 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกให้โจทก์สืบพยานเพิ่มเติมภายหลังจากสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเสร็จแล้วเหลือเพียงรอฟังคำพิพากษาเป็นการไม่ชอบ เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้ขอให้เพิกถอนเสียนั้น เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นดำเนินการไปดังกล่าวก็เพื่อพิสูจน์ชื่อโจทก์ เพราะชื่อโจทก์ตามฟ้องกับตามหนังสือรับรองของกระทรวงพาณิชย์ไม่ตรงกัน ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย และ 187 ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและการดำเนินการดังกล่าวก็หาทำให้จำเลยเสียเปรียบหลงข้อต่อสู้ไม่เพราะจำเลยรับแล้วว่าได้รับถ่านหินไว้จากโจทก์ตามฟ้องดังนี้ที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปดังกล่าวจึงชอบแล้ว
สำหรับที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ส่งถ่านหินตามฟ้องมาให้จำเลยทดลองใช้ ไม่ใช่ซื้อขาย จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินนั้น พยานโจทก์คือนายวิเทศ คมวิเศษ ซึ่งเป็นกรรมการของโจทก์เบิกความว่าจำเลยสั่งซื้อถ่านหินตามฟ้อง โดยนายวิรุณ อังคสุวรรณ และนายโชคชัย อักษรนันท์ ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยเป็นผู้โทรศัพท์มาสั่ง เมื่อโจทก์ส่งให้แล้วจำเลยออกใบสั่งซื้อให้ ตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.6 ฝ่ายจำเลยมีนายวิรุณ อังคสุวรรณ ที่อ้างว่าเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจำเลยมาเบิกความว่าโจทก์ส่งถ่านหินรายพิพาทมาให้จำเลยทดลองใช้ ไม่ใช่ซื้อขายเห็นว่าถ้าเป็นการส่งมอบให้ทดลองใช้ดังที่นายวิรุณว่า ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเลยจะต้องออกใบสั่งซื้อตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.6ให้โจทก์ถือไว้ ประกอบกับถ่านหินที่โจทก์ส่งให้จำเลยมิใช่จำนวนเล็กน้อย หากมีจำนวนถึง 78.18 ตัน มีมูลค่ามาก ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ส่งมอบให้จำเลยทดลองใช้โดยไม่คิดเงิน พยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าพยานจำเลยกรณีฟังได้ว่าโจทก์ขายถ่านหินให้จำเลย….”
พิพากษายืน