แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ท้องทางน้ำซึ่งตื้นเขินขึ้นสูงกว่าที่ของโจทก์และมีลำรางน้ำฝนไหลคั่นกลางเช่นนี้หาใช่ที่งอกต่อจากที่โจทก์ไม่แต่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
เมื่อศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีพอวินิจฉัยได้แล้วศาลก็มีอำนาจพิพากษาคดีนั้นได้ โดยไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกโรงนาลงในเขตโฉนดของโจทก์รวมทั้งที่งอกต่อจากโฉนดของโจทก์ ทำเป็นที่อยู่อาศัยเลี้ยงเป็ดไก่ ๆ ของจำเลยกินและเหยียบพืชผักของโจทก์ จึงขอให้ขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ตื้นเขินริมหนองบางขัน ไม่ใช่ที่งอกเสมอกับที่นาของโจทก์จำเลยไปขออนุญาตกำนัน ๆ ให้จำเลยอาศัยในที่พิพาทได้ จำเลยไม่ได้ทำความเสียหาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะที่มีปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังตรงกันมาว่า ที่ตรงที่จำเลยปลูกโรงเลี้ยงเป็ด อยู่ในหนองบางขันปลายเขตโฉนดของโจทก์ เป็นที่ตอนขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และสูงกว่าระดับพื้นที่ของโจทก์มาก ตามแผนที่วิวาทที่โจทก์นำชี้ ปรากฏว่า โรงที่จำเลยปลูกอยู่นอกโฉนดของโจทก์ ตรงที่จำเลยปลูกโรงนี้กับปลายนาของโจทก์มีลำรางฝนตกน้ำไหลคั่นกลางอยู่ ไม่ใช่ที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นที่งอกต่อจากนาโจทก์ แต่เป็นที่ท้องทางน้ำ หนองบางขันตื้นเขินขึ้น จึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินส่วนข้อกฎหมายที่โจทก์ว่า ศาลยังไม่ได้ไปดูที่พิพาท และยังมิได้ทำการรังวัดสอบเขตโฉนดโจทก์ให้แน่นอน แต่ศาลก็ได้มีคำพิพากษาไปโดยยังดำเนินกระบวนพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นกระแสร์ความขอให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น เห็นว่าเมื่อโจทก์เองเบิกความก็ว่า จำเลยปลูกโรงลงในที่งอกหน้าที่โจทก์ ซึ่งหาใช่ในเขตโจทก์ไม่ โจทก์ชี้ให้พนักงานทำแผนที่ก็ปรากฏว่า โรงจำเลยอยู่นอกเขตโฉนดโจทก์ เมื่อศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องไปดูที่พิพาทหรือรอการรังวัดดังฎีกาโจทก์ พิพากษายืน